เดือนแห่งความเป็นมนุษย์ ท่ามกลางความอลหม่านของสังคม (และความขัดแย้งที่ไม่มีวันจบ) (Humanity)

 

ในทุกเช้าของวันรุ่งขึ้น
ผมจะตื่นมาพร้อมกับ ‘ปืน’ บนมือเสมอ
มันอาจมีไว้ทั้งเพื่อ ‘คร่าชีวิต’ หรือไม่ก็เพื่อ ‘ปลดเปลื้อง’ ออกจากพันธนาการที่กักขังไว้
แต่ไม่ว่าผมจะนำไปใช้ทำอะไร
ปืน’ นั่นก็ไม่เคยมีอยู่จริง
ที่จริงแล้วมันไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้นไปตั้งแต่แรกต่างหาก…

สวัสดีเดือนแห่งความหลากหลายทางเพศอีกครั้ง และแน่นอนว่าเพื่อไม่ให้เป็นการที่เราจะละเลยถึงสิ่งสำคัญไป

สุขสันต์เดือนแห่งการตระหนักรู้ในสุขภาพจิตของผู้ชาย
(Men’s Mental Health Awareness)

ต่อเนื่องกันจากเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เรายังคงวนเวียนอยู่กับในเรื่องราวนี้ไปโดยเช่นเคย หากแต่สิ่งที่แตกต่างออกไปหน่อย ดูเหมือนว่ามันจะเป็นช่วงเวลาที่ผมได้รับรู้ว่ามีวิดีโอเกมที่ออกมาประกาศใหม่เป็นจำนวนมาก และหนึ่งในบรรดาทุกเกมที่ออกเหล่านั้นก็มีเกมที่ผมเล็งเอาไว้อยู่หนึ่ง (หรือสอง และมากกว่านั้น) ไปด้วยในเวลาเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเรื่องราวในวงการเกมดูจะเป็นสิ่งที่ผมให้ความสนใจมากเกินไป

และคิดว่าในสักวันหนึ่งเอง ผมอาจจำต้องถอยห่างจากมันไปเสียหน่อย ด้วยเหตุผลที่ว่าแม้มันจะเป็นสิ่งที่ผม ‘สนุก’ และ ‘เพลิดเพลิน’ กับมันไปมาก หากแต่การเอาเวลาไปลงทุนกับมันมากกว่า ‘งานเขียน’ อันเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทดแทนในปมด้อยของตัวเอง จวบจนมันกลายเป็น ‘ศิลปะ’ ที่ผมเสพมันควบคู่กัน

สิ่งเหล่านี้ดูจะเหมือนเชื่อมโยงกันราวกับเป็น ‘เนื้อผิวเดียวกัน

ชนิดที่ตัดขาดออกไปไม่ได้

ความเป็นชาย (Masculinity)


เราเคยพูดถึงกันไปบ้างเมื่อปีที่แล้ว และอาจไม่ใช่เพียงแต่ตัวผม แต่หมายถึงในบรรดาโลกโซเชียลที่ไหลเวียนผ่านไปอย่างรวดเร็วในแต่ละวัน ตราบจนมาถึงช่วงที่ วัฒนธรรมความหลากหลาย (Diversity) มันได้แทรกซึมผ่านเข้ามาถึงในรากของสังคม ทำให้พวกเราต่างยอมรับและตระหนักรู้ถึงมัน

อย่างไรก็ดี ความเคลือบแคลงสงสัยของผมกลับไม่ได้ตกไปอยู่ที่เรื่องของความหลากหลาย ทว่ากลับเป็นการวกไปยังมองถึง ‘ค่านิยม’ เกี่ยวกับ ‘ความเป็นชาย’ ที่บางครั้งแล้วสิ่งนี้อาจไม่ต่างอะไรจากการที่มันเป็น “ห้องเสียงสะท้อน (Echo Chamber)” ที่มันปรากฏออกมาในรูปแบบของสื่อสมัยใหม่ที่ไม่เพียงแต่ดึงให้เราให้ความสนใจกับมัน หนำซ้ำยังพยายามเพื่อให้เราได้ แสดงความรู้สึก (Express Emotion) ออกมาเพียงเพื่อให้จำนวนของเนื้อหาเหล่านั้นเพิ่มมากขึ้นไปกว่าเดิม

ผมกำลังเสียสติและคิดไปเอง

หรือแท้ที่จริง ‘สามัญสำนึก’ ของผมยังทำงานอยู่

ความวุ่นวายของสิ่งรอบข้าง อาจไม่เท่ากับจิตใจของมนุษย์ที่ถูกผูกติดไว้กับ ‘ค่านิยมทางสังคม’ ที่ซึ่งเป็นเหมือนเพียงสิ่งที่พวกเรากำลังหลงเดินทางไปหามัน ไม่ใช่ว่าเพราะความต้องการของเรา แต่เป็นผลพวงมาจากเหตุการณ์และการเปลี่ยนแปลงของโลกทั้งใบที่มันได้สร้างแรงกระเพื่อมอย่างใหญ่หลวง จนไม่อาจแม้แต่ที่จะต้านทานกระแสของความเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นได้

Mean World Syndrome

สิ่งเลวร้ายต่าง ๆ ล้วนมีวันเกิดขึ้นและดับสูญไป เฉกเช่นกับธรรมชาติของโลกที่มันกำลังเริ่มที่จะเอาคืนในสิ่งที่มนุษย์พรากไปจากมัน

พวกมันต่างโหดร้ายกับเราเสมอ และในหลายครั้ง ‘ความโหดร้าย’ ก็ดูจะเป็นเหมือนกับสิ่งที่พวกเราต่างทำใส่กันราวกับเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน

แม้จะไม่ใช่ในทางตรง หากแต่ใน ‘ทางอ้อม’ พวกเราต่างทำร้ายใส่กันจนเหมือนกับว่ามันคือ ‘สัญชาตญาณดิบ’ ที่เราทำกันเป็นสิ่งชินตา

Mean World Syndrome ไม่ใช่ปรากฏการณ์ และมันก็ไม่เชิงเป็นเรื่องของโรคภัยไข้เจ็บทางจิตใจ ทว่ามันคืออาการที่เกิดขึ้นจากการรับรู้ถึงสิ่งแย่ ๆ ต่าง ๆ มากมายที่เกิดขึ้น จนในที่สุดมันเป็นผลทำให้เราต่างมองโลกหรือสังคมรอบตัวในทางที่ ‘แย่’ เกินกว่าความเป็นจริงของสิ่งที่มันเกิดขึ้น ณ เวลาช่วงปัจจุบัน

นี่อาจไม่ใช่เรื่องใหม่ ทว่ามันคือผลพวงจากการที่เมื่อคุณฝังตัวอยู่ในสื่อความรุนแรงและความไม่แน่นอนของสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น จริงอยู่ว่าแม้การเตรียมตัวอาจเป็นเหมือนเพียง ‘ตัวเลือกแรก’ ของการรับมือกับมัน ทว่าเป็นอะไรที่คาดเดาได้ยากถ้าหากว่าภัยอันตรายเหล่านั้นมันอาจมี ‘ความลับดำมืด’ ซ่อนอยู่ข้างใน โดยเฉพาะเมื่อคุณได้ถลำลึกลงสู่ในจุดที่ยากจะหันกลับมาได้

อย่างไรก็ตาม วิธีการง่าย ๆ สำหรับการรับมือกับจำนวนข่าวสารแย่ ๆ มากมายในโลกที่สื่อมีอิทธิพลในการชักจูงผู้คนมากกว่าจะเป็น ‘ตัวบุคคล’ ไปเสียเอง นั่นคือการตระหนักรู้ถึงสิ่งเหล่านั้นด้วยตัวเอง รับมือและเตรียมพร้อม รวมไปถึงตั้งสติและสูดลมหายใจของคุณลึก ๆ

เรื่องแย่ ๆ มักเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ดีหรือในยามที่พวกเราใช้ชีวิตประจำวัน

หากแต่มันไม่มีเหตุผลอะไรที่คุณต้องรู้สึกหวาดกลัวเกินกว่าจะใช้ชีวิต

ขอเพียงแค่พึงมีสติสัมปชัญญะอยู่ตลอดเวลาก็เป็นพอ

ความคิดเห็น