Let's talk about UBISOFT (mostly)

 

IDK why I added this, but I like cookies.

(Especially, chocolate chips is good :> )

ผลงานจากอดีตทีมงานเก่าผู้เคยอยู่ในบริษัทระดับยักษ์ใหญ่ สู่การที่ตัดสินใจออกมาทำเกมด้วยทีมงานในจำนวนมากกว่าสามสิบชีวิต และเปิดตัวในชื่ออันไม่คุ้นหู หากแต่ว่ามันมาพร้อมกับ 'คุณภาพ' และพิสูจน์ให้เห็นถึงแนวคิดที่ว่า 'วิดีโอเกมที่ดีไม่จำเป็นต้องเล่นใหญ่ ขอแค่เพียงใส่ใจทำมันออกมาให้ดี แล้วเดี๋ยวทุกอย่างจะตามมาเอง'

W for developer.



หากแต่เกรงว่าหัวข้อนี้เราอาจจะไม่ได้มาพูดถึงส่วนนั้นกันสักเท่าไหร่ อันเนื่องมาจากสำหรับทางตัวของผู้เขียนเองนั้นไม่ได้มีความโปรดปรานมากนักสำหรับเกมแนว Turn-Based RPG ที่มันถือเป็น 'ของแสลง' สำหรับตัวของผู้เขียนไปพอสมควร และอาจจะไม่ใช่อะไรที่มันจะดีมากนัก (แม้ว่าเสียงการตอบรับของเกมมันจะดีมาก ๆ ก็ตามที)

อย่างไรก็ตาม ครั้นในเรื่องของตัวเกมและในแง่ของประสิทธิภาพที่ออกมาจะดูดีแค่ไหน ทว่าในส่วนของ 'รสนิยม' นั่นก็คงเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ที่มันจะไม่ได้เหมาะสำหรับคนในทุกประเภทนัก

Let's get into the topic, should we?


นับเป็นอีกหนึ่งหัวข้อที่เรียกได้ว่าแม้มันจะไม่ใช่อะไรที่ตั้งใจอยากจะเขียนถึงเท่าไหร่นัก หากแต่อย่างไรแล้ว ในช่วงเวลาที่เหมือนว่ามรสุมจะดันเข้ามา 'เคราะห์ซ้ำกรรมซัด' กับหนึ่งในบริษัทระดับโลกที่เรียกได้ว่าแทบจะกลายเป็นประเด็นพูดถึงในทั่วทุกสารบบของโลกอินเตอร์เน็ต ก็คงจะหนีไม่พ้นกับบริษัทอันเลื่องลือชาในด้านของความแย่ต่าง ๆ นานามากมาย

น่าเสียดายในความสามารถและ Potential ที่มี แต่ในมุมกลับกัน นั่นก็ถือเป็น 'สัญญาณ' ที่มันบ่งบอกได้ว่าแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาวิดีโอเกมในยุคที่ไม่ว่าใครก็สามารถเป็น Game Developers ได้นั้นกำลังเข้ามา

ผมจดจำไม่ได้นักว่าเคยพูดถึงเรื่องราวของบริษัทนี้ไปมากแค่ไหน แต่อย่างไรถ้าคุณลองสังเกตดี ๆ ถึงภาพจำนวนมากมายที่ผมนำมาประกอบในบทความ โดยส่วนใหญ่มันเริ่มต้นขึ้นจากความเบื่อ + ความว่างจากการเล่นเกมเป็นเวลานานและลองตัดสินใจทดลองในสิ่งที่เรียกว่าระบบ Photo Mode ของเกมดู ซึ่งส่วนเล็ก ๆ ของเจ้าระบบตรงนี้แม้จะไม่ใช่อะไรที่ 'ใหม่' หรือเป็นสิ่งที่มันสำคัญต่อการเล่นเกมมากนัก อย่างไรก็ตาม กว่าจะรู้ตัวอีกทีหนึ่ง ก็ดูเหมือนว่าผมกลับดัน 'ติดพัน' กับเจ้าสิ่งนี้ไปเสียแล้ว

และใช่ Ubisoft ทำให้ผมเป็นแบบนั้น

แม้จะไม่ถึงขั้นหลงใหล แต่มันก็ช่วยให้การเล่นเกมของผมมี 'ชีวิตชีวา' มากขึ้นไปพอสมควร




การพยายามมองหาสาเหตุของความเกลียดชัง ให้ความรู้สึกไม่ต่างอะไรจากการทำความเข้าใจถึงสังคมความเป็นไปที่มันมีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยแต่ละช่วง

ตลอดทุกครั้งของการที่ผมได้ Surfing ในโลกแห่งนี้มาได้นานสักระยะหนึ่ง ผมได้ค้นพบถึงหัวข้อต่าง ๆ มากมายที่เกี่ยวข้องกับมัน และแน่นอนว่าถ้าหากถามผมว่า ผมปฏิเสธหรือปกป้องในบริษัทนี้หรือไม่? แน่นอนว่าคำตอบของคำถามตรงนั้นมันก็บรรจุอยู่ในตัวของสิ่งที่พวกเขาบอกไปแล้วตั้งแต่ต้น

หากแต่ไม่ว่าจะด้วยสารพัดพันเรื่องราวใด ๆ แล้ว สิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะพูดสักหน่อยเกี่ยวกับ 'ยูบิซอฟต์' ไม่ใช่ในแง่ของเรื่องราวสมัยอดีต หรือปรากฎการณ์ที่พวกเขาได้เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ของวงการเกมไปในระดับที่พลิกจาก 'หน้ามือ' เป็น 'หลังมือ' ไป ทว่ามันกลับเป็นเรื่องราวของการที่มันเปรียบเสมือนเป็นการที่พวกเขาได้สร้าง 'เส้นถนนหลัก' ขึ้นมาเป็นของตัวเอง ซึ่งนั่นเรียกว่า 'แบรนด์ (Brand)' ของตัวเอง



แพร่หลาย (Ubiquitous)

คำศัพท์นี้ที่ไม่คุ้นหูนัก ทว่าที่มาของชื่อว่า 'ยูบิซอฟต์ (Ubisoft)' นั้นค่อนข้างเป็นอะไรที่ชวนให้หวนนึกถึงในช่วงระยะเวลาที่บริษัทยังอยู่ในสถานะที่ดีในระดับหนึ่ง

'ความแพร่หลาย' อาจเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในปรัชญาการทำงานที่มีการเปิดกว้างในแง่ของความคิดสร้างสรรค์ และสิ่งใหม่ ๆ ที่มันไม่ได้กระจุกอยู่กับเพียงแค่รูปแบบใดเพียงแบบเดียว ทว่ามันก็มีหลายครั้งที่สิ่งเหล่านั้นกลับไม่ได้เป็นสิ่งที่มัน 'ใหม่' ไปแต่อย่างใด

ตลอดเวลาของการที่ผมคลุกคลีอยู่กับเกมในเครือของยูบิซอฟต์ แม้จะไม่ได้เล่นมันมากเท่าไหร่นัก หากแต่ในมุมมองของผู้ที่สังเกตเห็นมันมาในระยะเวลาพักใหญ่ ๆ แนวทางของสิ่งที่พวกเขาได้พัฒนาขึ้นมา ข้อเสียของการพยายามในการคงไว้ซึ่งอยู่ภายใต้กรอบของ 'ความหลากหลาย' ส่วนใหญ่ ผลงานพวกนั้นกลับไม่ได้ตอบโจทย์ที่ดีตามที่คาดหวังเอาไว้มากนัก

อาจไม่ใช่อะไรที่ 'ดีที่สุด' แต่มันอยูในระดับที่เพียง 'กลางค่อนไปทางไม่แย่' ซึ่งมันดำเนินอยู่ในจุดนี้มาเป็นระยะเวลามากกว่าสิบปีได้แล้ว (ಥ﹏ಥ)


What happened to you?

Are you sure about this?

นี่ไม่ใช่การออกมาปกป้อง หากแต่มันเป็นการเปิดอกออกมาคุยอย่างจริงจัง (ที่แฝงความขบขันไว้เล็กน้อย เพื่อไม่ให้บรรยากาศมันตึงเครียดเกินไป) เกี่ยวกับสิ่งที่มันเกิดขึ้นกับบริษัทนี้ที่เคยอยู่ในระดับชั้นนำด้านวิดีโอเกมมาก่อน

จริงอยู่ว่าก่อนหน้าที่ Ubisoft จะกลายเป็นหนึ่งในผู้ถูกโจมตีมากที่สุด มันจะมีบริษัทชั้นนำจำนวนมากมายที่ล้วนแล้วแต่มันจุดประกายให้เกิดการสร้างบุคลากร สร้างสิ่งใหม่ ๆ หรือแม้แต่เหล่า Game Developers จำนวนมากทั้งที่ล้วนมีประสบการณ์ (และอ่อนประสบการณ์) จนในปัจจุบันนี้ เราได้เห็นแล้วว่าวงการวิดีโอเกมนั้นไม่ได้ถูกจำกัดแค่กับเพียงยักษ์ใหญ่ชั้นนำ แต่มันสามารถที่จะเกิดขึ้นกับคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งก็ได้ หรือแม้แต่กับบริษัทผู้จัดจำหน่าย ยันไปถึงสตูดิโอที่อาจไม่ได้มีชื่อเสียงกระฉ่อน ทว่ากลับมีผลงานอันเป็นเอกลักษณ์จนทำให้ผู้คนจดจำถึงพวกเขา

หากไม่มีการ 'แพร่หลาย'

ทุกอย่างก็จะย่ำอยู่กับที่แบบนั้น

และมันจะไม่มีทางเกิดการแข่งขันกันได้เลย

แม้แต่ครั้งเดียว...

ในช่วงเวลาของการที่ผู้คนต่างพยายามสร้างคำครหา ใส่ความเท็จหรือแม้แต่หาประเด็นอะไรก็ตามเพื่อหวังที่จะโจมตีกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ทำตัวเสมือนเป็น 'เสือนอนกิน' เป็นระยะเวลานาน (ซึ่งแน่นอนว่าผมเองก็เป็น 'หนึ่ง' ในพวกคุณไม่ต่างกันหรอกนะ xD)

ทว่าเรื่องหนึ่งที่มันแตกต่างกันคือ อย่าได้ลืมว่าเบื้องหลังของยิ่งใหญ่ตรงนั้นมันประกอบไปด้วยผู้คนจำนวนมากมายนับกว่าหลายพันหรือหมื่นชีวิต พวกเขาใช้เวลาในการทุ่มเทในการสร้างสรรค์สิ่งเหล่านั้น ภายใต้ข้อจำกัดหรือการตัดสินใจที่มัน 'อาจ' มาได้ทั้งจากการวิสัยทัศน์ของตัวผู้วางจำหน่ายไปก็ดี หรือแม้แต่มันเป็น 'ปัญหาคอขวด' ที่เกิดขึ้นระหว่างช่วงในการพัฒนาวิดีโอเกม

ซึ่งแน่นอนว่าส่วน ๆ นี้เราคงไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามันเกิดขึ้นหลายครั้งต่อหลายครั้ง การทำงานร่วมกับผู้อื่น แตกต่างจากการทำงานเพียงลำพัง และทันทีที่เมื่อคุณได้ย่างกรายเข้าไปสู่ 'สังคมของผู้คน' ที่เต็มไปด้วย 'ความหลากหลาย' ด้วยแล้ว ยิ่งนั่นทำให้มันต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมากในการแสดงออกถึงมุมมองของตัวเอง ซึ่งสิ่งเหล่านั้นมันอาจสร้างความขัดแย้งให้กับกลุ่มคนอีกกลุ่มที่เขา ไม่มีวันเข้าใจ ได้ถึงแนวคิดพวกนั้น


"มุมมอง" ที่แตกต่างนำมาซึ่งความคิดเห็นอันหลากหลาย

สำคัญที่สุด คือการพยายามมองเห็นและ 'เข้าอกเข้าใจ'

แม้จะเป็นเรื่องยากที่จะกระทำก็ตามที

ประเด็นในเรื่องราวของสิ่งที่เกิดกับยูบิซอฟต์ ไหนจะเรื่องราวของ DEI จะยังคงถือเป็นสิ่งที่ถูกนำมาพูดถึงสักระยะใหญ่ ๆ หากแต่สำหรับในช่วงเวลาที่ทุกอย่างมันรายล้อมไปด้วย ปัญหาอนันต์ ที่เกิดขึ้นจากความเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลต่อผู้คนทั่วทุกหนแห่งแล้วนั้น บางทีนี่อาจเป็นเพียง 'ยอดภูเขาน้ำแข็ง' ที่มันไม่ได้สลักสำคัญไปกว่าสิ่งที่มันผลุบอยู่ใต้เบื้องลึกที่มันเต็มไปด้วย ความโสมม ที่เราไม่อาจได้รับรู้

======================




สิ้นเดือนเมษายน ถือเป็นเดือนหนึ่งที่ผมค่อนข้างใช้เวลาไปกับการหมกมุ่นใน Warframe เยอะพอสมควร

ส่วนหนึ่งเพราะจำนวนของเนื้อหาในเกมที่มันมีมากมาย + ระบบที่มันชวนให้ต้องเรียนรู้เยอะและนานเอามาก ๆ จนมันส่งผลทำให้สภาพร่างกายของผมมันย่ำแย่และเกิดอาการ 'หมดไฟ' กับมันได้โดยง่าย xD

แต่ไม่ต้องห่วงไป นั่นเป็นเพียงช่วงระยะเวลาหนึ่ง จากใจจริงแล้วผมยังคงสนุกกับมันอยู่เช่นเคย หากแต่อะไรที่เราทำมันอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน แน่นอนว่าพอถึงช่วง ๆ หนึ่ง ไฟของการทำสิ่งนั้นก็จะเริ่มมอดลงเป็นธรรมดา จริงไหม?

ขออภัยมา ณ ที่นี้ในเรื่องของการทิ้งประเด็นหัวข้อไว้จำนวนมากมาย หากแต่ไม่เคยที่จะหยิบมันมาเล่าเลย ซึ่งเอาจริง ๆ ส่วนพวกนี้มันไม่ใช่อะไรที่ 'ใหม่' สักเท่าไหร่ อีกทั้งเนื่องจากด้วยแนวทางของการเขียนงานของผมเร็ว ๆ มานี้ที่ผ่านมา ผมได้ตัดสินใจ เปลี่ยนแปลง การทำงานในส่วนนี้ไปด้วย (ซึ่งมีผลกับทุก ๆ ส่วน ไม่เว้นแต่งานเขียนนิยาย) แปลว่าผมอาจต้องใช้ระยะเวลานานพอสมควรกว่าที่จะกลับมา 'ตั้งตัว' ได้เหมือนกับที่ผ่าน ๆ มา

ทว่านั่นถือเป็นเรื่องที่ผมตัดสินใจแล้วแต่ต้น เว้นเสียแต่ในส่วนของเดือนถัดไป อันถือเป็นเดือนที่มันจะมีความพิเศษมากกว่าเดือนอื่นสักหน่อย (และที่สำคัญมันคือ 'เดือนเกิด' ของตัวผู้เขียนอีกด้วย :D)

เพราะอย่างงั้นแล้ว ในส่วนถัดไปของเดือนหน้านั้นผมอาจจะขอใช้ระยะเวลาในการพักผ่อนจากโลกฝั่งของวิดีโอเกมสักพักใหญ่ แล้วกลับมาทำงานในส่วนของ 'การเขียน' ไปอีกรอบหนึ่ง อาจจะเริ่มมาพูดถึงเรื่องราวของประเด็นทางสังคมที่เกิดขึ้น นับไปตั้งแต่ส่วนของสิ่งที่เรียกว่า 'วีทูปเบอร์' จวบจนไปถึงสิ่งที่มันข้องเกี่ยวกับ 'ตัวละครในโลกจินตนาการ' ที่สองสิ่งนี้มันข้องเกี่ยวกันอย่างไม่น่าเชื่อสักเท่าไหร่

ที่สำคัญที่ขาดไม่ได้ นั่นคือมันเป็นช่วงเดือน Mental Health Awareness Month หรือก็คือเดือนที่มีการตระหนักรู้ถึงเรื่องของ 'สุขภาพจิต' ซึ่งในส่วนนี้ หากว่าไม่มีเหตุการณ์อะไรดลใจให้ผมต้องออกมาพูดถึงบ้างแล้ว เราคงอาจจะได้อยู่กับผลงานเขียนนิยายซะเป็นส่วนใหญ่ (และอีกหลาย ๆ อย่างที่เกี่ยวกับ Lore ของเรื่องราวในนิยาย)

ขอบคุณสำหรับการติดตามและอ่านมาถึงจนจบ

ขอให้สนุกกับการเล่นเกมครับ 

(づ。◕‿‿◕。)づ

ความคิดเห็น