[บอกเล่าประสบการณ์] แด่ผู้ถูกทอดทิ้งในสมรภูมิ และการกลับมาอีกครั้งในฐานะของผู้การ (Girls' Frontline & Girls' Frontline 2: Exilium)
Welcome Back, Commander.
ณ ท่ามกลางพายุแห่งปัญหาที่โหมกระหน่ำเข้าใส่มาอย่างไม่หยุดหย่อน เปรียบดั่งไฟแห่งสงครามที่ไม่มีวันดับสิ้นไป แม้ว่าต่อให้มันจะมีระยะเวลาผ่านมาอย่างยืดเยื้อเป็นระยะเวลานานไปแล้วก็ตามนับเป็นสิบ ๆ ปี (หรืออาจนานมากแล้วเกินกว่าที่ผมจะจดจำถึงช่วงเวลานั้นได้)
อย่างไรเสีย เรื่องราวยังคงดำเนินต่อไป หากเพียงแต่ครั้นจะเล่าถึงมันถึงจุดเริ่มต้น คงอาจเป็นการเหนื่อยเปล่า ถ้าผมจะพูดถึงหรือพยายามที่จะ 'สาธยาย' ใด ๆ ก็ตามเกี่ยวกับหนึ่งในเกมที่มันสถิตอยู่ในใจของผมมาเป็นระยะเวลานานหลายปี ตราบจนถึงตอนนี้ภาพจำของมัน ยังไม่เคยเลือนหายไปไหน
เกิร์ล ฟรอนไลน์ (Girls' Frontline) ไม่ใช่เพียงแค่ 'วิดีโอเกม' หากแต่เปรียบเสมือนเป็น 'ลางบอกเหตุ' ณ อีกไทม์ไลน์หนึ่งที่มันเป็นผลพวงจากพัฒนาการทางเทคโนโลยีที่ดำเนินไปข้างหน้า ชนิดที่ว่าแม้แต่ 'ปัญญาประดิษฐ์' ก็สามารถมีความรู้สึกนึกคิดเป็นของตัวเองขึ้นมาได้
มากมายเสียเกินกว่าจะ 'อารัมภบท' ถึง
'จุดเริ่มต้น' และ 'จุดจบ' ที่ไม่อาจล่วงรู้
แด่ชะตากรรมของเหล่าดอลผู้ต่อสู้ในสมรภูมิที่ยากจะเอาชนะ
ก่อนจะเริ่มเข้าสู่เนื้อหาและประเด็นเกี่ยวกับเกม ๆ นี้ ผมอาจต้องขอเปรยไว้ก่อนล่วงหน้าว่าด้วยความที่มันเป็นเกมที่มีเนื้อเรื่องยาวและมีรายละเอียดปลีกย่อยที่ลึกพอสมควร อีกทั้งระยะเวลานับตั้งแต่ที่ตัวเกมภาคแรกที่เปิดตัวไปทั่วโลกในปี 2018 (สำหรับเซิร์ฟเวอร์ EN) ซึ่งอาจมีความล่าช้ากว่าตัวของเซิร์ฟเวอร์หลักของฝั่งจีนไปประมาณ 2 ปีกว่า ๆ หากแต่ในส่วนของเนื้อหาภายในเกมนั้นเรียกได้ว่าค่อนข้างเป็นอะไรที่ 'มากมาย' และ 'ลึก' อย่างที่ได้พูดไป เพราะงั้นเองผมจะขอข้ามในส่วนของเนื้อเรื่องเกมนี้ไป และขอทิ้งไว้ให้เป็นการ ตัดสินใจด้วยตัวเอง เพื่อสำหรับใครก็ตามที่ก้าวเข้ามาในเกมภาคที่สอง (ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อช่วงวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมาสำหรับเซิร์ฟเวอร์ฝั่งเอเชียบ้านเรา)
โอเค ผมว่านี่คงจะผ่านมานานมากแล้วสำหรับการเกริ่นนำ เพราะงั้นเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาจะเริ่มเข้าสู่เนื้อหาหลักเลยแล้วกัน
We were here before, didn't we?
ในปี 2062 คุณคือผู้บัญชาการคนใหม่ของบริษัททหารรับจ้างเอกชนนามว่า 'กริฟฟิน & ครูกเกอร์ (Griffin & Kyruger)' โดยมีหน้าที่หลัก ๆ คือการนำคำสั่งให้กับเหล่า Tactical Doll (ในภาคสองจะเรียกว่า 'ดอลล์ (Dolls)' แทน) โดยพวกเธอเปรียบได้ดั่งทหารและ 'ชีวจักรกล' ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อแทนที่กองกำลังมนุษย์ที่มีจำนวนเพียงแค่หยิบมือ (หรือน้อยมาก) ในโลกยุคที่การต่อกรกับภัยจากจักรกลนั้นร้ายแรงถึงขั้นทำให้มนุษยชาติเสี่ยงต่อการล่มสลาย
ฟังมาถึงตรงนี้ อาจฟังดูเหมือนเป็นเนื้อเรื่องแนวเกมสงครามทั่ว ๆ ไปที่ต้องเอาชนะศัตรูที่เป็นจักรกล กอบกู้ความหวังมาสู่มนุษยชาติเพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ให้คงอยู่ หรืออะไรก็ตามแต่ที่เปรียบได้กับว่า 'เรา' คือหนึ่งในผู้เป็นความหวังทั้งหมดใช่ไหม?
อาจใช่...
แต่แท้จริงแล้ว 'ไม่'
เรื่องราวของการต่อสู้ระหว่างสองกลุ่มชนนั้นถือเป็นเพียง 'เสี้ยวหนึ่ง' ในเรื่องราวที่แสนจะมีความซับซ้อนซ่อนเงื่อน ไหนจะรวมไปถึงการตั้งคำถามเชิงศีลธรรมและจริยธรรม รวมไปถึงอุดมการณ์ของแต่ละฝักฝ่ายที่ตัวมันเองมีนัยยะทางการเมืองแฝงเอาไว้ จนแม้แต่ 'เรา' ในฐานะของผู้การก็ไม่อาจหยั่งรู้ได้ถึงสิ่งที่ตามมาในอนาคต
พล็อตเรื่องของเกม Girls' Frontline นั้นอาจเรียกได้ว่ามันคือ 'หัวใจหลัก' และเป็นส่วนหนึ่งที่มันยังคงขับเคลื่อนไปได้ด้วยดีเสมอต้นเสมอปลาย โดยยังคงธีมหลักคือ 'สงคราม, ชีวจักรกล, คำถามเชิงปรัชญา, การต่อสู้ทางอุดมการณ์ทางการเมือง' และ 'การต่อสู้' ซึ่งมันไม่ได้ถูกเล่าเจาะจงเพียงแต่ในมุมมองของเหล่าทีดอลล์ที่ถูกส่งลงสมรภูมิรบไปเพียงอย่างเดียว หากแต่ยังหมายรวมไปถึงเหล่าตัวละครสมทบอื่น ๆ ที่เหมือนกับเรา เหล่ามนุษย์ผู้ต่างมีมุมมองและอุดมการณ์ที่ทั้ง 'ขัดแย้ง' และ 'ขับเคี่ยว' ด้วยแนวทางความเชื่อที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
No happy ending.
Unrelenting Pain and Suffering.
As T-Dolls, is it our duty to serve humanity?
Is that...our sole purpose?
I had never received anyone's acceptance ever since my creation. I had no Dolls of the same model with whom I could connect with, and I could not verbally interact well with others.
Why is that?
Why was I the odd one out?
I'm glad you showed up, 45.
With you around, I don't feel like an anomaly anymore.
With you around, I could finally see my true worth without wavering.
But how do you see me?
Can we truly become friends?
ตลอดของการถลำลึกลงไปสู่เรื่องราวของเนื้อหาเกมลงไป เราจะยิ่งดำดิ่งลงไปสู่การตั้งคำถามที่มีมากขึ้น และได้เห็นถึงการแสดงอารมณ์ต่าง ๆ ของเหล่าทีดอลล์ที่แม้พวกเธออาจเป็นเพียงแค่ 'สิ่งที่ถูกสร้างขึ้น' และถึงแม้ต่อให้ถูกทำลายไป โอกาสในการกอบกู้เพื่อสร้างมาขึ้นมาใหม่ก็ดูเป็นอะไรที่มันง่ายดาย หากเทียบกับหนึ่งชีวิตของมนุษย์ที่มันย่อมใช้ระยะเวลานานกว่าเป็นหลาย ๆ เท่า
หากแต่มันคุ้มค่าหรือไม่?
ที่เราจะยอมสูญสิ้นทุกอย่างไปเพียงเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่เรียกว่า
ชัยชนะ (Victory)
อย่างที่เรารู้กันดีว่าฉากจบของสงครามนั้นมันไม่ได้นำพามาซึ่งการเลี้ยงฉลองที่แสนยิ่งใหญ่ หากแต่มันเป็นเพียงเหลือทิ้งเอาไว้ซึ่ง 'ซากปรักหักพัง' และชีวิตอีกนับล้านมากมายที่มันประกอบไปด้วยผู้คนจำนวนมากหน้าหลายตา ไม่ว่าต่อให้เขาหรือเธอจะเป็นคนที่เราเคยรู้จักหรือไม่ก็ตาม"สงคราม" ไม่เคยเป็นเรื่องที่ดี
และประวัติศาสตร์ยังคงตอกย้ำเรื่องราวนี้ได้เป็นอย่างดี ผ่านมุมมองในเรื่องราวจินตนาการในอนาคตที่เราไม่อาจสามารถสามารถหยั่งรู้ถึง
นอกเหนือไปจากเรื่องราวอันแสนขมขื่น และมันยังคงดำเนินต่อไปตราบเท่าที่ฉากจบนั้นจะมาถึงจุดสิ้นสุด สิ่งหนึ่งที่ผมอาจจะยังไม่ได้พูดไปเสียหน่อยสำหรับเกม ๆ นี้ นั่นคือเรื่องของ 'เกมเพลย์' และระบบ Game Mechanic ที่มันเองแม้จะไม่ใช่หัวใจที่ผมอยากจะพูดถึง แต่เพื่อให้ได้เข้าใจถึงความยากลำบากของเหล่าผู้เล่นที่ผ่านสมรภูมิ (แห่งนรกกาชา) มานานประมาณหนึ่ง ฉะนั้นเลยจำเป็นต้องกล่าวถึงบ้างสักเล็กน้อย
ส่วนของเกมเพลย์ Girls' Frontline นั้นจะเน้นเกี่ยวกับเรื่องของการจัดการเกี่ยวกับทรัพยากรด้านต่าง ๆ รวมไปถึงการจัดสรรยูนิต T-Doll แต่ละตัวไปตามแต่ความต้องการหรือเป้าหมายที่ผู้เล่นต้องการ โดยมากแล้ว ตัวเกมจะใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับเรื่องของ 'การจัดการ (Management)' มากกว่าที่จะเน้นในส่วนของ 'การต่อสู้ (Combat)' ซึ่งส่วนนี้จะแตกต่างไปตามภารกิจของแต่ละด่าน
ตัวอย่างหนึ่งจากภาพที่ผมได้นำเสนอ เป็นเพียงโหมด ๆ หนึ่งที่ผู้เล่นจำเป็นต้องช่วยเหลือและลำเลียงเหล่าดอลล์ไปยังจุดที่มีรูปเฮลิคอปเตอร์ (ล่างขวา) ซึ่งการจะทำเช่นนั้นได้ แน่นอนว่ามันก็มีอุปสรรคขวางกั้นเอาไว้อยู่
พูดแล้วอาจไม่เห็นภาพ งั้นเอาเป็นขออนุญาตในการโยนวิดีโอเกมเพลย์ให้เป็น 'ตัวอย่าง' เลยแล้วกัน
ผมจะไม่พูดอะไรมากไปกว่านั้น ทว่าอย่างที่คุณได้เห็นไป นั่นคือ 'ส่วนหนึ่ง' และมันไม่ใช่ทั้งหมดที่ตัวเกมได้นำเสนอออกไป
ถ้าจะให้พูดถึงกันแบบเจาะลึกแล้ว ระบบเกมของภาคแรกนั้นถือว่าค่อนข้าง 'ลึก' และมีความซับซ้อนชนิดที่ว่าอาจต้องใช้ระยะเวลานานในระดับหนึ่ง ทั้งนี้ยังไม่นับไปถึงรายละเอียดว่าด้วยเรื่องของการปั้นยูนิตสาว ๆ แต่ละตัวเพื่อให้สามารถใช้งานในการผ่านไปแต่ละด่าน ๆ ได้ (แบบรากเลือด xD)
ซึ่งถ้าถามว่าควรจะแนะนำให้เล่นภาคแรก เพื่อปูทางไปยังภาคสองก่อนหรือไม่ อันนี้คงอยู่ที่ดุลยพินิจของคุณเองแล้วล่ะครับว่าจะสามารถทนรับได้กับ 'ความลำบาก' ในการฟาร์มและเรียนรู้ Mechanic ทั้งหมดที่เกมมันนำเสนอออกมาได้หรือไม่
อย่างไรเสียเอง เกรงว่าผม... ในฐานะของ 'อดีตผู้การ (Veteran Commander)' คงจะไม่ขอไปยุ่งเกี่ยวใด ๆ กับเรื่องราวของภาคแรกที่มันเปรียบดั่ง 'ไฟคุกรุ่นในสงคราม' และ 'ความขัดแย้งที่ไม่อาจลงรอย' พวกนั้นไปอีก
ถึงเวลาที่ผมควรจะ 'เนรเทศ (Exilium)' ตัวเอง
และดำเนินในฐานะของ 'นักล่าค่าหัว (Bounty Hunter)'
ภายใต้อำนาจของ 'ผู้บัญชาการ (Commander)'
ต่อสู้ไปเคียงข้างเหล่าสหายร่วมรบที่ยังคงเหลือรอด
'ดอลล์ (Dolls)'
"จุดสูญสิ้น" ที่ดำเนินมาอย่างช้านาน
การล่มสลายของฝักฝ่ายผู้เคยเป็นทั้ง 'มิตร' และ 'ศัตรู'
ถือกำเนิดซึ่งภยันอันตราย และอนาคตอันไม่แน่นอน
"แสงแห่งความหวังในโลกใหม่"
(The Shining Beacon In A Brave New World)
บัดนี้ได้กำเนิดขึ้นอีกครา...
เนิ่นนานมากกว่าเกือบครึ่งทศวรรษได้ จากวันนั้น มาสู่ ณ วันที่ตัวเกมภาคต่อที่มีชื่อว่า 'เอ็กซิเลียม (Exilium)' ได้เปิดเซิร์ฟเวอร์ Global ไปทั่วโลกตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2024 ที่ผ่านมา (หลังเซิร์ฟเวอร์หลักจาก Sunborn จะเปิดให้บริการไปเป็นเวลาสองวัน) ซึ่งผมเชื่อว่านี้น่าจะเป็นอะไรที่ค่อนข้างตื่นตาพอสมควร
เกิร์ล ฟรอนไลน์ 2: เอ็กซิเลียม (Girls' Frontline: Exilium) คือผลผลิตจากภาคแรก โดยเรื่องราวยังคงสานต่อจากเดิม หากแต่ในคราวนี้บทบาทของเรานั้นจะไม่ได้ถูกเรียกว่า 'ผู้การ (Commander)' เหมือนอย่างที่เคยเป็น ทว่ากลับกลายเป็น 'นักล่าค่าหัว (Bounty Hunter)' ที่ได้ตัดสินใจในการเนรเทศตัวเองออกจากการทำหน้าที่ในบริษัททหารเอกชนอย่าง G&K ไปแทน ซึ่งโดยหลักเอง จุดมุ่งหมายของเรานั้นไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการ 'เอาชีวิตรอด (Survive)' ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงที่มันเกิดขึ้น
ส่วนของเนื้อเรื่อง ผมจะไม่ขอเล่าหรือเจาะลึกรายละเอียดส่วนนี้มากนัก เฉกเช่นเดียวกับภาคแรก หากแต่สิ่งหนึ่งที่ผมสัมผัสได้จากเพียงหน้าเมนูเข้าเกมที่ได้เห็น นั่นคือมันแทบจะ 'แตกต่าง' ไปอย่างสิ้นเชิงในทุก ๆ รายละเอียดที่เกมมันได้มีการนำเสนอออกมา
'คำถามที่ไม่อาจหยั่งรู้คำตอบ'
เรื่องราวที่ทิ้งช่วงห่างไปกว่าหลายปี มันคงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ หากว่าน้อยคนนักที่จะจดจำถึงเรื่องราวเก่า ๆ หากแต่อย่างไรก็ดี แม้ว่าส่วนของเนื้อเรื่องมันเองจะดำเนินไปตามแต่ที่ผู้แต่งต้องการ หากแต่กระนั้นคำถามที่มันยังคงคาใจสำหรับ 'ผู้การเก่า' หลายคนมันยังคงอยู่ ซึ่งผมคงอาจต้องขอเฝ้ารอเพื่อจะได้พบพานเพื่อเจอกับคำตอบ ๆ นั้น
เกมเพลย์สำหรับภาคต่อของ Girls' Frontline 2 นั้นจะมีรูปแบบแตกต่างไปจากภาคแรก ชนิดที่ผมอาจให้คำนิยามสั้น ๆ ว่า 'ง่ายที่จะเข้าถึง' และ 'ยากและท้าทาย' ที่ลดสเกลความซับซ้อนลงมาจากภาคแรกอยู่มากโขพอสมควร
กล่าวโดยสั้น ๆ คือตัวเกมนั้นดำเนินในรูปแบบของ Turn-Based Strategy ที่คุณมีหน้าที่ในการนำยูนิตเดินไปตามแต่ละช่อง อาศัยช่องโหว่และจุดยุทธศาสตร์ที่ได้เปรียบต่อการโจมตีใส่ศัตรูให้ได้ในจำนวนเทิร์นที่น้อยที่สุด แน่นอนว่าส่วนตัวสำหรับทางผู้เขียนแล้ว ค่อนข้างจะไม่มีปัญหาอะไรสำหรับเรื่องนี้มากนัก อาจเพราะเนื่องด้วยความที่เคยผ่านพ้น ณ สมัยช่วงที่เกมมันเคย 'ยากแบบรากเลือด' มาก่อน ทำให้พอได้จับเกมในภาคที่สองนั้น จึงเปรียบเสมือนกับเป็นอะไรที่ 'สนุก' ในรูปแบบที่ต้องใช้ความคิดได้ไม่ยาก แม้ว่าต่อให้ตัวเกมจะมีระบบ Auto เดินช่องอัตโนมัติไปก็ตาม ผมก็ยังคงเลือกที่จะใช้วิธีการเล่นด้วยตัวเองอยู่ดี
ศัตรูแต่ละตัวจะมี 'จุดอ่อน' และ 'จุดแข็ง' ที่ไม่เหมือนกัน การเลือกสรรตัวละครลงไปในแต่ละด่านนั้น อาจจะต้องใช้ระยะเวลาสักพักใหญ่สำหรับการทำความเข้าใจความสามารถในแต่ละตัว ไม่เพียงแค่นั้นยังรวมไปถึงประเภทของอาวุธที่ใช้ ซึ่งมีผลสำหรับการต่อกรกับชนิดของศัตรูแต่ละตัว รวมไปถึงการมองหา Pattern รูปแบบของศัตรูทั้งชนิดการโจมตี หรือแม้แต่ลำดับคำสั่ง (เฉพาะตัวที่เป็นบอส) ซึ่งส่วนนี้ คำแนะนำสั้น ๆ ที่ผมสามารถให้ได้คือ 'จงอ่านการโจมตีของบอสแต่ละตัวให้ดี'
มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำความเข้าใจ
ขอเพียงแค่สูดหายใจเข้า - ออกลึก ๆ และตั้งสติให้ดี
ระบบปลีกย่อยว่าด้วยเรื่องของการอัปเกรดตัวละคร อัปเกรดอาวุธ และอุปกรณ์เสริมเองก็กลับมาในภาคนี้ ซึ่งส่วนของอุปกรณ์เสริมนั้นอาจเรียกได้ว่ามันเป็นส่วนสำคัญที่ไม่แพ้กันกับส่วนของตัวละครเลย
'ระบบอุปกรณ์เสริม (Attachment)' นั้นจะมีเกรดการใช้งานอยู่ทั้งหมด 4 ระดับ เรียงจาก เขียว - ฟ้า - ม่วง และ ทอง
โดยอุปกรณ์ทั้งสี่ระดับนี้จะมีการเพิ่มค่าสถานะที่แตกต่างกัน และสามารถสังเกตง่าย ๆ ถึงรายละเอียดของอุปกรณ์ดังกล่าวผ่านจากการที่หากเป็นอุปกรณ์ที่มีระดับต่ำกว่า ก็จะยิ่งมี 'สนิมกิน' มากขึ้นไปเท่านั้น ซึ่งในส่วนของระดับ 'ม่วง' และ 'ทอง' ขึ้นไปจะไม่มีส่วนนี้ หากแต่จะเน้นไปยังเอฟเฟคเสริมที่จะถูกแบ่งเป็น 'เซ็ต (Set)' อุปกรณ์เพื่อเพิ่มบัพให้กับอาวุธไปเอง
ทั้งนี้ ณ ส่วนของระบบอัปอุปกรณ์นั้น อาจจะต้องใช้ระยะเวลาเล่นประมาณหนึ่ง เพื่อที่จะสามารถเข้าถึงมันได้ (ประมาณเลเวล 23 ขึ้นไป)
Pick-up Rate? Never heard about it
แน่นอนว่ามันยังมีส่วนของที่ผมไม่ได้เล่าถึงรายละเอียดเกี่ยวกับเกมภาคนี้ ทว่าสิ่งเดียวที่ผมอาจพอพูดได้ มันค่อนข้างถือว่ามีตัวช่วยในการเอื้ออำนวยความสะดวกได้ดีพอสมควร หรือถ้าพูดแบบโดยรวมเองแล้วมันค่อนข้างเป็นอะไรที่มันเข้าถึงได้ง่าย (เฉพาะในด้านของเกมเพลย์)ทว่าในส่วนของเนื้อเรื่องเองนั้น ผมขออนุญาตอุบเอาไว้เป็นการส่วนตัวเพื่อไม่ให้เป็นการ 'สปอยล์' เนื้อหาในอนาคตพวกนั้นกับตัวเองมากจนเกินไป
ภายนอกสำหรับ Girls' Frontline นั้นแม้จะเป็นเกมที่ฉาบไปด้วย 'ตัวละครสาวสุดน่ารัก' ที่มาพร้อมกับอาวุธปืนที่มีอยู่จริงในโลกปัจจุบัน หากแต่เบื้องหลังของเรื่องราวเกี่ยวกับเนื้อเรื่องสุดเข้มข้น + Lore เรื่องเล่าทั้งหมดที่มันถูกนำเสนอผ่านตัวอักษรที่เรียงร้อยกันจากผู้สร้าง ที่มันไม่ใช่เพียงแต่กล่าวถึงเรื่องราวเกี่ยวกับ 'สงครามของชีวจักรกล' ด้วยกันเอง หากแต่มันยังมีการตั้งคำถามถึงการมีอยู่และเหตุผลที่ถูกบอกเล่าผ่านมุมมองของ 'ทีดอลล์' ผู้ที่หากมองอย่างผิวเผินมันคงอาจไม่ใช่เป็นการยากใด ๆ ที่คุณจะ 'หลงรัก' มันได้โดยง่าย
หากแต่สำหรับผม ในฐานะของ 'ผู้การเก่า' แล้วนั้น พวกเธอเหล่านี้เป็นมากกว่านั้น...
อาจฟังดูเหมือนว่าเป็นการพร่ำเพ้อมากเกินไปเสียหน่อย ทว่าตลอดทุกครั้งเวลาที่ผมมักให้ความสำคัญอะไรก็ตามในรายละเอียดที่น้อยคนจะสังเกตถึง ผมมักจะชื่นชอบในการพยายามศึกษาคาแรคเตอร์เหล่านี้ เพื่อเข้าใจลักษณะนิสัย มุมมองที่มีต่อตัวของ 'ผู้การ (เรา)' หรือแม้แต่สถานการณ์ทั้งหมดที่มันได้ถูกนำเสนอผ่านเข้ามาในตัวเกม ซึ่งถ้าหากคุณเป็นผู้เล่นสายชื่นชอบในการอยากที่จะ Rushing ไปยาว ๆ (หรือหากให้พูดมากกว่านั้นคือ พวกชอบสคิปข้ามเนื้อเรื่อง) คงเป็นการยากที่คุณจะทำความเข้าใจหรือเข้าถึงความรู้สึกของตัวละครเหล่านั้น
อย่างไรเสีย ผมเองคงไม่มีหน้าที่อะไรสำหรับการมาเพื่อ 'ตัดสิน' อะไรใด ๆ เพราะมันย่อมเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ หากว่าการเห็นของสวย ๆ งาม ๆ นั้นมักสามารถดึงดูดใจได้มากกว่าสิ่งที่มันดู 'ธรรมดาสามัญ' เกินกว่าจะโดดเด่นเป็นประกายค้างฟ้า
'ตลอดกาล' และ 'ตลอดไป'
ขอให้สนุกกับการเล่นเกมครับ :)
(I didn't simp suomi btw, but she's cute, right? :D)
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น