[บอกเล่าประสบการณ์] ความก้าวหน้าอันล้ำสมัย กับความเสื่อมโทรมของจิตใจมนุษย์ (Cyberpunk, Cyberpunk Edgerunner)
“ความก้าวล้ำของเทคโนโลยีที่ทำให้ผู้คนเข้าถึงทุกสิ่งทุกอย่างได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น แต่ในทางกลับกัน มันก็นำมาซึ่งความเสื่อมถอยและการตั้งคำถามถึง ‘ความเป็นจริง’ และ ‘โลกในจินตนาการ’ ที่มันถูกซ้อนทับกันเป็นเนื้อเดียว”
นี่น่าจะเป็นอีกหนึ่งการบอกเล่าประสบการณ์ที่ค่อนข้างมีเนื้อหาที่มีความยาวพอสมควรเลยก็ว่าได้ (ฮา)
อย่างไรเสีย ผมอาจจำเป็นต้องขอเกริ่นไว้ก่อนล่วงหน้าว่าสำหรับส่วนของเกม Cyberpunk 2077 และอนิเมะ Cyberpunk: Edgerunner นั้นจะมีการใช้ภาพสลับกันไป เนื่องด้วยทั้งเกมและอนิเมะมีการใช้องค์ประกอบร่วมกันเยอะมากพอสมควร
และเพื่อไม่ให้มันถือเป็นการรบกวนที่มากเกินไป ผมอาจจำเป็นต้องระบุไว้ล่วงหน้าว่า ในการบอกเล่าประสบการณ์ครั้งนี้อาจมีเนื้อหาบางจุดที่มีการสปอยเนื้อเรื่องเกมเล็กน้อย ทว่าอย่างไรแล้ว ส่วนใหญ่นั้นจะเป็นการบอกเล่าในเชิงของการตั้งคำถามหรือพูดคุยทั่วไปเรื่อย ๆ ว่าด้วยเรื่องราวของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี กับความเสื่อมถอยของระบอบสังคม รวมไปถึงการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับรัฐบาลและนายทุนไปสักพอหอมปากหอมคอ
ทั้งนี้แล้วถ้าหากว่าใครที่ยังไม่ได้เล่นเกมมาก่อน แนะนำสามารถไปหาซื้อได้ในช่องทาง Steam หรือ GOG กันนะครับ :)
อาจฟังดูเว่อร์วังเกินไปเสียหน่อยที่ผมจะพูดอะไรแบบนี้ ทว่าเมื่อได้สัมผัสถึงโลกของไซเบอร์พังค์ไปแล้วนั้น สิ่งแรกที่ผมสามารถพูดได้เกี่ยวกับมันคือ สุดยอดเกินความคาดหมาย
โดยหากจะให้เล่าถึงความสุดยอดของเกม ๆ นี้ อาจต้องย้อนไปยังช่วงเวลาเมื่อ 11 ปีก่อน ณ ช่วงเวลาเมื่อเกมได้เปิดตัว Teaser สำคัญที่มันคือ 'จุดเริ่มต้น' ก่อนจะกลายเป็นหนึ่งในเกม RPG ที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยได้สัมผัสมา
แน่นอนว่าจากวันนั้นสู่ ณ ปัจจุบันที่ในปี 2024 ตัวเกมดังกล่าวอยู่ในสภาพที่เสร็จสมบูรณ์ไป หลังจากเกิดวิกฤตการณ์และอุปสรรคมากมายและประสบกับชะตากรรมไม่ต่างอะไรจาก No Man's Sky สักเท่าไหร่ (หากแต่ถ้าพูดตามความรู้สึกส่วนตัวของผมแล้ว ณ ช่วง Day One สำหรับเกมนี้มันเป็นอะไรที่ 'ทุลักทุเล' พอสมควร)
หากแต่ในเวลาของ ณ ตอนนี้ที่ตัวเกมมันได้เสร็จสมบูรณ์เป็นที่เรียบร้อย แน่นอนว่ามันหมายความว่าถึงเวลาที่ผมเองจะได้สาธยายถึง 'ความชอบ' เกี่ยวกับเกม ๆ หนึ่งที่มันได้สร้างความทรงจำที่ดีร่วมกับตัวผมเอง
Cyberpunk 2077 เป็นเกมที่มีฉากหลังเล่าถึงโลกในยุคสมัยของการที่เทคโนโลยีมันได้ดำเนินก้าวไปข้างหน้าในระดับสูงจนถึงขั้นที่มนุษย์สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงอวัยวะของตัวเองให้กลายเป็น 'จักรกล' ผ่านการปลูกถ่ายอวัยวะเทียมที่มันเรียกว่า 'โครม (Chrome)' ซึ่งเสมือนกับเป็นสิ่งที่ถูกคิดค้นขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้คน
ฉากหลังของสิ่งที่เรียกว่า 'ไซเบอร์พังค์' มันมีมากกว่านั้น
หากแต่ถ้าจะให้นิยามแบบเข้าใจง่าย ๆ ที่สุด มันคือโลกที่วิทยาการทางเทคโนโลยีก้าวล้ำไปขั้นสูงสุด หากแต่กลับ 'ตัดกัน (Contrast)' กับชีวิตความเป็นอยู่หรือแม้แต่ศีลธรรมและความเป็นมนุษย์กลับตกต่ำลงจนเรียกได้ว่ามันไม่ต่างอะไรจาก 'สวนสัตว์มนุษย์ (Human's Zoo)' ไปเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม เรื่องราวจริง ๆ ของเกม Cyberpunk 2077 นั้นถือเป็นเรื่องราวที่เต็มไปด้วยคำถามเชิงปรัชญามากมาย หมายรวมไปถึงการหันกลับมาเพื่อนั่งย้อนมองถึงคำนิยามของคำว่า 'มนุษย์' กันอีกครั้งว่าแท้จริงแล้วมันมีความหมายว่าอย่างไร
วิทยาการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว
ไฉนแล้ว 'ปัญหาสังคม' หรือ 'ความรุนแรง' และมนุษย์กลับยังคงอยู่ที่เดิม?
ตลอดระยะเวลาหลายวันที่ผ่านมา ไม่ว่าจะด้วยทั้งจากหน้าสื่อสำนักข่าวทั้งหลาย หรือแม้แต่การเปลี่ยนแปลงของนโยบายการทำงานในบริษัท บ้างก็ลุกลามไปจนถึงการจำกัดสิทธิ์หรือการคืบคลานเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเจ้าสิ่งที่เรียกว่า 'ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence)' ไปก็ดี
สิ่งหนึ่งที่เรามักสังเกตเห็น แต่โดยมากกลับไม่ค่อยมีใครตั้งคำถามมากเท่าไหร่ นั่นคือคำถามที่ว่า
ความโสมมของระบบสังคม สภาพแวดล้อม หรือแม้แต่กับศีลธรรมในใจของมนุษย์ มันจะยังคงเป็นสิ่งที่ควรดำรงอยู่หรือไม่? ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วที่เราไม่อาจรับรู้ได้ถึงสิ่งเหล่านั้น?
คำถามนี้หากจะให้ย่อลงมาสั้นกว่านี้ เกรงว่าผมเองคงขี้เกียจเกินกว่าที่จะทำมัน หากแต่ถ้าเป็นกับเหล่าพวกนักปราชญ์บางคนก็ไม่แน่ (หรือใครก็ตามที่ผ่านเข้ามาเห็นบล็อกโพสต์นี้)
จุดศูนย์กลางของเรื่องราวในเกมส่วนใหญ่ มักจะโฟกัสไปยังเรื่องราวโดยทั่วไปของมนุษย์ในยุคนั้น ตามไปพร้อมกับสอดแทรกเกมเพลย์ที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นสามารถเลือกที่จะตัดสินใจในทางเลือกของตัวเองได้อย่างอิสระ
แน่นอนว่าส่วนใหญ่กว่า 75% ของเกม ตัวเลือกเหล่านั้นจะดึงผู้เล่นเข้าไปสู่ในรูทเฉพาะตัวตามการเล่นของแต่ละคน
อย่างไรก็ตามเอง ด้วยความที่มันเป็นเกม RPG สวมบทบาท เพราะงั้นแล้วตัวเลือกการถาม - ตอบ ส่วนใหญ่เลยขึ้นอยู่กับพื้นเพการเลือกของตัวละคร มากกว่าที่จะเป็นเรื่องของสีผิว เพศสภาพ หรือความสามารถทางด้านการอัพสกิลไปแต่ละคน
ระบบเกมเพลย์ของ Cyberpunk 2077 มีรูปแบบที่เข้าใจง่าย หากแต่มีระดับความนุ่มลึกและซับซ้อนอยู่พอประมาณ กล่าวได้ว่าหากใครก็ตามแต่ที่ไม่ได้คุ้นชินกับเกมดังกล่าว ย่อมมีโอกาสที่คุณอาจจะแทบไม่ชอบเกมนี้ไปเลย ที่สำคัญมันเองก็เป็นเกมที่เน้นหนักในการเล่าเรื่องราว รวมถึงแสดงถึงแนวทางรูปแบบการเล่นและผลกระทบที่เกิดขึ้นต่าง ๆ ตามการตัดสินใจของผู้เล่นเอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันมีผลต่อฉากจบของตัวเกม (แค่ระดับผิวเผินเล็กน้อย)
หรืออาจจะรวมไปถึง Progression ระหว่างทางที่มันอาจจะเปลี่ยนไป หลังจากตัดสินใจเลือกไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเนื้อเรื่องของเกมนั้น หลัก ๆ เท่าที่ผมสามารถพูดถึงมันได้อยู่บ้างนิดหน่อย นั่นคือเราจะรับบทบาทเป็น 'V (วี)' ที่ปูมหลังจะแตกต่างกันไปตามแต่ที่เราเลือก ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 3 รูปแบบด้วยกัน
ทั้ง 3 รูปแบบจะมีพล็อตเรื่องวางไว้โดยคร่าว ๆ เสมือนเป็น 'ปูมหลัง' ก่อนที่เกมจะตัดเข้าสู่ช่วงของการเป็นทหารรับจ้างไร้สังกัด โดยเปรียบกับว่าเราเป็น 'ตัวละคร' ที่ตัวเองสร้างขึ้นมา แน่นอนว่าใน 3 รูปแบบนั้นจะส่งผลไปถึงเฉพาะการเลือกคำตอบ Dialogue ที่ส่งผลต่อวิธีการเล่นของเราทำให้เล่นได้ง่ายขึ้น หรืออาจเสนอทางเลือกพิเศษบางอย่างที่เกมมันไม่ได้บอกเราแบบตรง ๆ อย่างชัดเจน
ความพิเศษของ Cyberpunk 2077 นั้นคือการเลือกแบบอิสระตามแบบที่ใจของผู้เล่นต้องการ ข้อดีอย่างหนึ่งที่ผมชอบมากเกี่ยวกับเกมนี้คือสร้างความรู้สึกให้เกิดอารมณ์ร่วมและสะกดความอยากรู้อยากเห็นให้ผู้เล่นสามารถสำรวจ Map ได้ตามใจชอบโดยที่ ณ ช่วงแรกของ Map อาจมีการปิดกั้นเอาไว้ (ซึ่งเกมก็ได้ให้เหตุผลที่มันเข้ากับโครงเรื่องที่วางเอาไว้อย่างเป็นเหตุเป็นผล)
แน่นอนว่าในส่วนของ Lore หรือ Worldbuilding สำหรับเกมที่มาจากนักพัฒนาสัญชาติโปแลนด์อย่าง CD Projekt Red ฝีมือการสร้างสรรค์ของพวกเขาสำหรับเกมนี้เรียกได้ว่ามีการพัฒนามาอย่างยาวนาน ไม่ต่างอะไรไปจากตัวของฝั่ง Techland ที่ผมเคยกล่าวถึงชื่อเสียงเรียงนามของเกมดังอย่าง Dying Light และ Dying Light 2: Stay Human ไปเสียเท่าไหร่นัก
(ปล. ล่าสุดภาค The Beast มีการประกาศเปิดตัวในช่วง Summer 2025 แล้ว บอกเลยว่าไม่พลาดแน่นอน xD)
หากแต่ก่อนที่เราจะไปสู่ตรงจุดนั้น ผมอาจจำเป็นต้องพูดถึงเกม Cyberpunk 2077 นี้ไปก่อน เพื่อที่จะไม่ให้เป็นการหลงลืมถึง ณ เวลาที่ได้สัมผัสกับมันครั้งแรก และครั้งหลังจากที่เกมได้มีการปรับปรุงแพทช์แก้บั๊ค รวมไปถึงมีการปล่อย Expansion เสริมอย่างตัวที่เรียกว่า Phantom Liberty ออกมา
อย่างที่ผมเคยบอก และอาจจะเป็นอีกหลาย ๆ คนที่เคยผ่านเกมของค่ายนี้มาอย่างเนิ่นนาน
เนื้อเรื่อง คือหัวใจหลักของเกมค่ายนี้
ผมจะไม่ขอเปิดเผยอะไรใด ๆ มากมายเพื่อเป็นการ 'สปอยเนื้อหาสำคัญ' โดยเฉพาะถ้าหากว่าคุณชื่นชอบในเกมที่มีระบบการเล่นที่หลากหลายและมีความลึกซึ้งแอบซ่อนอยู่ภายใต้เนื้อหนังที่ถูกเคลือบด้วยกราฟฟิกความสวยงามอันตระการตา เปรียบเสมือนแสง สี เสียงในเมือง Night City ที่มันชวนน่าหลงใหล และพร้อมจะสูบชีวิตของคุณไปได้ทุกเมื่อ
อย่างไรก็ตามเอง ผมอาจต้องเตือนสักเล็กน้อยว่าเกม Cyberpunk 2077 นั้นมีเนื้อหาที่รุนแรง โป๊เปลือย และบางสิ่งบางอย่างที่มันแสดงออกมาอาจจะไม่ได้ 'เหมาะ' สำหรับผู้เล่นทุกเพศทุกวัยนัก อีกอย่างหนึ่งคือเนื่องด้วยมันเป็นเกมที่มีฉากและบทสนทนาเยอะมาก อาจไม่ใช่เกมที่เน้นในส่วนของด้านเกมเพลย์หรือแอคชั่นจ๋า ๆ จัดเหมือนหลาย ๆ เกม เพราะงั้นแล้วมันคงอาจเหมาะมากกว่าถ้าหากคุณเป็นผู้เล่นสายผู้ชื่นชอบในการเสพเนื้อเรื่องที่ชวนให้น่าตั้งคำถามเชิงศีลธรรมมากมาย หรือแม้แต่การมองไปยังถึง 'ประเด็นทางสังคม' ที่มันได้มีการเสียดสีสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกความเป็นจริงมากพอสมควร
เฉกเช่นเดียวกับที่ทางทีมงาน เคยออกมาเปิดเผยเรื่องราวภาคต่อของเกม ๆ นี้ ที่พวกเขาอยากจะใส่ประเด็นและปัญหาทางสังคมเข้าไปมากขึ้น (คลิ๊กได้ที่ลิงก์นี้)
ทั้งนี้ยังไม่นับกับเรื่องราวที่นอกเหนือจากที่ตัวเกมมันได้ถูกนำเสนอออกมา นั่นคืออนิเมะที่ชื่อว่า Cyberpunk Edgerunner ที่ตัวมันเองมีการนำเอาองค์ประกอบเกี่ยวกับโลกของ Cyberpunk 2077 มาใช้ในแทบจะทุกอย่างอีก ซึ่งครั้นที่ผมจะไม่พูดถึงมันก็คงเป็นไปไม่ได้สักเท่าไหร่
***Spoiler Alert***
(แถมอีกหนึ่ง MV สำหรับผู้ที่ยังไม่ Move On)
.
.
.
.
.
.
Cyberpunk Edgerunner พูดถึงเรื่องราวของ David Martinez (เดวิด มาร์ติเนซ) ผู้ซึ่งมีความฝันและเป้าหมายในการอยากที่จะกลายเป็นตำนานแห่งเมือง Night City ภายใต้ความโสมมและความแร้นแค้นจากสภาพแวดล้อมอันเสื่อมโทรม รวมไปถึงการต้องเผชิญหน้ากับปัญหาสังคมจำนวนมากมาย นับไปตั้งแต่เรื่องของการรักษาพยาบาล การรับมือกับความกดดันจากปัญหาภายในบ้านที่เขาต้องอยู่อาศัยร่วมกับผู้เป็นแม่ของตัวเอง Gloria Martinez (กลอเรีย มาร์ติเนซ) ที่ดันเคราะห์ร้ายเกิดอุบัติเหตุจากการอาละวาดของกลุ่มแก๊งอันธพาล ก่อนที่ภายหลังจะได้จับผลัดจับผลูมาเข้าร่วมกับ Lucyna Kushinada (หรือ 'ลูซี่ (Lucy)' ตามชื่อที่เรียกในเรื่อง)
Lucy รับบทเป็น 'เน็ตรันเนอร์ (Netrunner)' หน้าที่หลัก ๆ ของเธอคือการทำหน้าที่ในการล้วงลับข้อมูลจากบริษัทชื่อดังหลาย ๆ บริษัทตามคำว่าจ้างของเหล่า 'ฟิกเซอร์ (Fixer)' โดยทำงานร่วมกับกลุ่มพรรคพวกของตัวเองที่ชื่อกลุ่มถูกเรียกโดยรวม ๆ ว่า 'Edgerunner (เอจรันเนอร์)' โดยมีสมาชิกอยู่ทั้งหมด 8 ถึง 9 คนด้วยกัน (ซึ่งจะมีการเปลี่ยนหรือ... นั่นแหละครับ คุณก็รู้ว่าที่นี่คือ N I G H T C I T Y )
เรื่องราวของอนิเมะนั้นจะดำเนินในรูปแบบของเรื่องแยกที่ไม่เกี่ยวข้องกับไทม์ไลน์หลักในตัวเกม หากแต่ทั้งนี้จะมีการนำมากล่าวถึงสักเล็กน้อยที่ซ่อนไว้อยู่ภายในฉาก หรือภายในตัว Map ของเกมที่เปิดให้ผู้เล่นสามารถออกสำรวจได้ตามใจชอบ ทั้งนี้แล้วนอกเหนือไปจากเรื่องราวของงานภาพที่ถูกรังสรรค์ขึ้นจากสตูดิโอผลิตอนิเมะอย่างค่าย Trigger Inc. ด้วยแล้ว ทาง CD Projekt Red ยังมีส่วนร่วมในเรื่องนี้อีกด้วย
อาจเรียกได้ว่าในส่วนของ Cyberpunk 2077 นั้นคงถือเป็นหนึ่งในแฟรนไชส์คู่บุญของ CD Projekt Red ที่มาเคียงข้างกับ The Witcher ไปอีกนาน ตราบมาจนถึงปี 2024 นี้ที่ตัวมันยังคงเป็นสิ่งที่ถูกกล่าวถึงอยู่เรื่อย ๆ และเป็นอะไรที่มีความน่าจดจำในระดับที่ทำให้มีผู้สนใจและชื่นชอบในสื่อแนวโลกดิสโทเปีย หรือแม้แต่การได้รู้จักกับสิ่งที่เรียกว่า 'ไซเบอร์พังค์ (Cyberpunk)' ในรูปแบบที่เห็นภาพอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น
ตลอดทุกครั้งของการได้กลับไปมองเกม ๆ นี้เกือบทุกครั้ง ผมมักจะอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอยากกลับเข้าไปยังที่ Night City ในทุกครั้ง ความรู้สึกของการดื่มด่ำบรรยากาศที่ด้านบนเต็มไปด้วยแสง สี เสียง ตัดเข้ากับความ Contrast ของผู้คนภายในเมืองที่ไม่ต่างอะไรไปจาก 'สวนสัตว์มนุษย์' ที่มันเต็มไปด้วยความสกปรก โสมม และเต็มไปด้วยความรุนแรงในรูปแบบที่มันถูกฉาบด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในระดับสูง สิ่งเหล่านี้มันน่าหวาดหวั่น หากแต่ ณ ระยะเวลาเดียวกันมันก็ชวนให้เกิดคำถามมากมายจนถึงขั้นที่ผมจินตนาการไม่ออกว่าถ้าตัวเองยังมีชีวิตอยู่ถึงระยะเวลานั้น ผมยังคงจะได้เขียนบล็อกโพสต์แบบนี้ต่อไปอีกไหม
หากแต่ทั้งหมดมันเป็นเพียงเรื่องของ 'อนาคต' และครั้นจะนึกถึงสิ่งเหล่านั้นก็ดูเป็นอะไรที่เสียเวลาเปล่า
เพราะในท้ายที่สุด
ผลลัพท์ของการละทิ้งซึ่งโลกแห่งความเป็นจริง
มันก็นำพามาสู่ 'โลกแห่งอนาคต (Future World)'
ที่เราทุกคนอยู่ภายใต้อำนาจของ 'อภิมหาบรรษัท (Megacorporation)'
ที่อาจชักจูงและนำพาเราไปสู่ 'วังวนแห่งความฝัน' อันลม ๆ แล้ง ๆ ที่พวกเราต่อสู้เพื่อมัน
ก่อนจบลงด้วยการที่เรากลมกลืนเข้ากับ 'มัน' ไปโดยเสียเอง
--------------------------------------------------------------
Cyberpunk ถือเป็นอีกหนึ่ง Genre ของสื่อบันเทิงที่ผมยังคงชื่นชอบมันอยู่เสมอ และมันจะยังคงถูกยกให้เป็นอันดับต้น ๆ รองลงจากส่วนของแนวโลกหลังล่มสลาย (Post-Apocalypse) ที่ทั้งสองต่างมีจุดเชื่อมโยงกันในด้านของการนำเสนอที่กล่าวถึงแนวคิดของโลกในอนาคตที่เราต่างได้แต่จินตนาการถึง
แม้ว่า ณ ปัจจุบันที่ผ่านมาเอง แนวคิดเกี่ยวกับเรื่องของโลกในอีก 10 หรือ 20 ปีข้างหน้า มันจะกลายเป็นหนึ่งในหัวข้อสำคัญที่นำมาสู่การสร้างสรรค์แนวไอเดียใหม่ ๆ หรือการพยายามมองหาคำตอบเพื่อตั้งคำถามถึง 'ความเป็นไปได้' ที่มันจะเกิดขึ้น สิ่ง ๆ นี้เองก็เปรียบได้กับเป็น 'ความท้าทายใหม่' ที่มันกำลังเฝ้ารอให้พวกเราได้หาคำตอบจากมัน
ก่อนอื่นขอสารภาพไว้ล่วงหน้าสักหน่อยว่าแรกเริ่มเดิมที ทางผู้เขียนตั้งใจไว้ว่าอยากจะปล่อยบทความส่วนนี้ออกมาหลังหรือช่วงวันคริสต์มาส หากแต่เนื่องด้วยความที่ว่าเดือนธันวาคมนั้น ถือเป็นเดือนที่มีการเปลี่ยนแปลงมากกว่าหลาย ๆ เดือนก่อนหน้านั้น ไม่ว่าจะด้วยเหตุการณ์ในชีวิตที่เกิดขึ้นก็ดี หรือแม้แต่กับเรื่องราวชวนน่าปวดหัวที่ผมเชื่อว่าทุกคนเองคงน่าจะได้สัมผัสหรือได้เห็นมันมาไม่มากก็น้อย
อย่างไรเสีย ผมในฐานะของผู้ที่ชื่นชอบในการเล่นเกมคนหนึ่ง ต้องขอแสดงความยินดีที่พวกคุณสามารถอ่านมาถึงตรงนี้ได้จนจบ ยอมรับว่ากว่าจะปิดโพสต์นี้จบน่าจะใช้เวลาอย่างต่ำมากกว่าหนึ่งสัปดาห์ (หรือมากกว่านั้น xD)
ความจริงคือมันควรออกมาก่อนที่โพสต์ในส่วนของ Girls Frontline จะออกมายลโฉมด้วยซ้ำ หากแต่ไป ๆ มา ๆ แล้วกลับกลายเป็นว่าทางตัวผู้เขียนค่อนข้างจะรู้สึกว่าการพูดถึงส่วนของ GFL ดูจะเป็นอะไรที่มีความสำคัญมากกว่าตัวของ Cyberpunk เสียมากกว่า (แต่ตอบตามใจจริง ๆ คือรักทั้งสองเกมนะเออ >:v)
แต่ไม่ว่าจะด้วยหยิบยกข้ออ้างสารพัดอะไรใด ๆ มาก็ตาม เรื่องหนึ่งที่มันยังคงสำคัญเสมอ และยังคงเป็นหนึ่งในหัวใจหลักเกี่ยวกับการ 'บอกเล่าประสบการณ์' นั่นคือการที่เราได้ตกผลึกจากการกระทำหรือได้อยู่กับสิ่ง ๆ หนึ่งในระยะเวลาที่มันมากพอทำให้เราสามารถขยายขอบเขตความคิดของเราให้กว้างไกลออกไปจากจุดเดิมที่เราอยู่ จุดของการที่ทำให้เรา 'ตระหนักรู้' ได้ว่า ความเปลี่ยนแปลง เกิดขึ้นตลอดเวลา
Cyberpunk 2077 อาจไม่ใช่ผลงานที่อยู่ในระดับ Masterpiece หากแต่ตัวมันนั้นถือว่า 'คู่ควร' ต่อการถูกนำมากล่าวถึงในฐานะของการที่มันเป็นการยกระดับของเกมแนว Open World RPG ที่เน้นในด้านของงานภาพและความนุ่มลึกของเนื้อหาที่มันถูกรังสรรค์ขึ้นผ่านจินตนาการเกี่ยวกับโลกอนาคตในอีก 70 ปีข้างหน้า หากว่าเทคโนโลยีนั้นมันถูกพัฒนาขึ้นในระดับที่ 'กายเนื้อ' หลอมรวมเข้ากับ 'เครื่องจักร' จนเป็นเนื้อเดียว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น