ว่าด้วยเรื่องของคอมมู & การเล่นบทบาทสมมติที่คำว่า 'สมมติ' เป็นเพียงแค่ชื่อ (Roleplaying)


Look into my eyes and tell me "What did you see?"


พวกคุณเคยรู้จักหรือเคยได้ยินสิ่งที่เรียกว่า 'การเล่นบทบาทสมมติ' หรือ 'โรลเพลย์' บ้างหรือไม่?

หนึ่งในงานอดิเรกที่มักจะเป็นที่เลื่องชื่อลือชากันเป็นอย่างมากในหมู่ของเหล่าเด็ก วัยรุ่น ตราบจนไปถึงกระทั่งวัยผู้ใหญ่ตอนต้น (และปลาย) อันถือเป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งในโลกอินเตอร์เน็ตที่โดยมากมักจะเป็นการที่เราสวม 'บทบาท' ของตัวเองให้กลายเป็นตัวละครนั้น ๆ

แน่นอนว่าจุดประสงค์ของมัน คงไม่มีอะไรซับซ้อนไปมากกว่าเรื่องของการทำเพียงเพราะว่ามันคือ 'งานอดิเรก' ที่มีไว้สำหรับขัดเกลาทักษะการเขียน & การบรรยาย หรือบ้างก็มีไว้เพียงเพราะใช้มันสำหรับการเข้าสังคมในกรณีที่การพูดคุยกันเฉกเช่น 'คนทั่วไป' ไม่สามารถที่จะทำได้

Text-Based Roleplaying (การเล่นบทบาทสมมติผ่านตัวอักษร)

เพื่อที่จะทำความเข้าใจถึงจุดกำเนิดเกี่ยวกับ 'โรลเพลย์' อาจจะต้องย้อนกลับไปยัง ณ สมัยช่วงเวลาที่ยุคอินเตอร์เน็ตกำลังรุ่งเรืองไปเสียสักหน่อย หากแต่ผมจำเป็นต้องขอแปะป้าย Disclaimer ไว้เสียเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า 'ทุกอย่างเป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัว' และอาจมีข้อมูลบางอย่างที่มีการคลาดเคลื่อนไปจากของเดิม ๆ ที่มันเคยมีมาก่อน

และที่สำคัญ เนื่องจากว่าสิ่งที่ผมกำลังจะกล่าวถึงต่อไปนี้อาจจะค่อนข้างเกี่ยวเนื่องกับประสบการณ์ที่ผมเจอมา ในฐานะของผู้ที่เคยโลดแล่นอยู่ ณ โลกแห่งนี้มาเป็นระยะเวลานานกว่าหลายปี เพราะงั้นแล้วเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้อาจไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิง หรือแม้แต่ใช้มันเพื่อให้เข้าใจถึงสิ่งที่เรียกว่า 'วงการโรลเพลย์' ที่ตัวมันเองค่อนข้างมีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย

หากต้องการรู้ข้อมูลเพิ่มเติม คุณสามารถกดคลิ๊กเข้าไปอ่านในหน้า Wiki นี้ได้ ซึ่งแม้ว่าตัวของมันจะไม่ได้มีการบ่งบอกความหมายเกี่ยวกับเรื่องของ Text-Based Roleplaying มากนัก หากแต่ใช้มันเพื่อ 'จับจุด' เกี่ยวกับความหมายของมันได้เช่นเดียวกัน


โอเค เริ่มจะรู้จักกับมันมากขึ้นแล้วใช่ไหม? หากรู้แล้วก็ดี เพราะหลังจากนี้ผมจะเข้าสู่เนื้อหาสำคัญที่มันอาจมีการแฝงความรู้สึกส่วนตัวปะปนเข้าไป + สภาพของสังคมที่ผมเคยเจอมาก่อนตัดสินใจที่จะลบโซเชียลมีเดียทั้งหมดทิ้งไป และตัดสินใจเปลี่ยนมาเป็นบทบาทที่เป็นอยู่ ณ ปัจจุบัน

ถ้าพร้อมแล้ว... Let's get into it!



"มาจิบชากันสักหน่อยไหมคะ คุณผู้การ?"

นานมาแล้วนั้น ในยุคสมัยที่สื่อของอินเตอร์เน็ตยังไม่เป็นที่แพร่หลายมากเท่าในสมัยนี้ ยุคที่การสร้างสิ่งที่เรียกว่า 'เฟสอวตาร์' ยุคที่การสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ลงเข้าสู่ในโลกอันไร้พรมแดนนี้มันช่างดูสงบสุขมากเสียเหลือเกิน แม้ว่า ณ ความเป็นจริงเองแล้วมันกลับดู Contrast มากไปก็ตาม

โลกของ ณ ยุคสมัยที่ยังไม่แพร่หลาย หนึ่งในกิจกรรม ๆ หนึ่งที่ชาวโซเชียลมีเดียทำส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่มักเป็นเรื่องของการพยายามในการที่พวกเขาต้องการจะ Express Themselves (แสดงตัว) ออกมาเพื่อให้คนรอบตัวหรือแม้แต่กับใครก็ตามที่ได้เห็น 'ตัวตน' ของพวกเขาในรูปแบบที่แตกต่างออกไป รูปแบบที่มันไม่ได้ถูกจำกัดอยู่เพียงแค่ 'ชีวิตจริง' ของพวกเขา

แน่นอนว่าสิ่ง ๆ นั้นมันอาจยังไม่ชัดเจนมากนัก เนื่องด้วยเหตุผลที่ว่าแต่แรกเริ่มแล้วเอง คำว่า 'โรลเพลย์' มักถูกจำกัดไว้อยู่กับแค่ในรูปแบบของวิดีโอเกมซะเป็นส่วนใหญ่ รูปแบบของการมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกับตัวละครภายในเรื่องราวที่ถูกแต่งเติมขึ้นมา และมันเองก็เป็นการที่ตัวละครเหล่านั้นมีการตอบสนองต่อ 'การกระทำ (Action)' ของผู้เล่น (a.k.a ผู้สวมบทบาท หรือ Roleplayer) นั้นไปในแบบที่โปรแกรมได้วางเอาไว้

ทั้งหมดเหล่านี้อยู่กับแค่เพียง 'โลกของวิดีโอเกม' ไปเท่านั้น

หากแต่ว่าสำหรับสิ่งที่เรียกว่า 'การโรลเพลย์' ในโลกของอินเตอร์เน็ตหรือโซเชียลมีเดียแล้วนั้น สิ่ง ๆ นี้มันกลับมีความแตกต่างออกไปเป็นอย่างมาก และมันก็ไม่ใช่แค่กับเพียงการเล่นเกม ๆ หนึ่งแล้วจบลงไป ทว่ามันเป็นสิ่งที่เรียกว่า 'การสวมบทบาท' ที่หมายถึงการที่เราถอด 'ตัวตน' ของเราในชีวิตจริงไป และเข้าไป Immerse เข้ากับโลกที่มันถูกสร้างขึ้นมา เสมือนว่าพวกเราคือ 'ส่วนหนึ่ง' ในโลกแห่งนั้น

ยกตัวอย่างเช่น บทบาทของคุณคือ 'ผู้กล้า' ที่ต้องไปปราบจอมมารผู้ชั่วร้ายในโลกแฟนตาซี

แน่นอนว่าถ้าอิงจากตาม Stereotype (แบบแผน) โดยทั่วไปตามแบบฉบับของเกม RPG บทบาทของการเป็นผู้กล้านั้นล้วนมักจะหนีไม่พ้นเรื่องของการตามหาไอเทม ฝึกฝีมือ หาอาวุธ ปราบจอมมาร หรืออะไรก็ตามแต่ตราบเท่าที่ Settings ของโลกแฟนตาซีนั้นจะโยนมาให้กับคุณ (หรือคุณอยากจะใส่อุปสรรคเหล่านั้นออกมาเองก็ได้ อย่าลืมสิ! นี่มันเป็นโลกจินตนาการ เราจะทำอะไรก็ได้ จริงไหม? :) )

ทั้งนี้แล้วรูปแบบของการแสดงออกเกี่ยวกับเรื่องของการ 'โรลเพลย์' นั้น อาจสามารถสื่อสารออกมาได้ทั้งจากการวาดรูปก็ดี หรือแม้แต่การพิมพ์บรรยายเสมือนเป็น 'นิยายเรื่องสั้น' ที่มันจบในตอน หากแต่ถ้าเป็นรูปแบบเช่นนี้แล้ว ทุกคนคงอาจจะสงสัยว่า 'แล้วทำไมถึงไม่เขียนนิยายไปเลยล่ะ? แบบนั้นมันก็ง่ายกว่าไม่ใช่เหรอ?'

ถ้าคุณกำลังคิดแบบนั้นอยู่ว่า การโรลเพลย์ = การเขียนนิยาย แล้วนั้น

คุณคิดผิด

ความเป็นจริงแล้วสำหรับการโรลเพลย์นั้น อาจเรียกได้ว่ามันไม่ใช่ การเขียนนิยาย ไปเสียเลยทีเดียว

อาจต้องพูดว่ามันคือกิจกรรมการเข้าสังคมในรูปแบบหนึ่ง เพียงแต่แทนที่เราจะสื่อสารกันผ่านการใช้คำพูดหรือประโยคในรูปแบบมนุษย์ทั่วไปที่เรากำลังคุยกันอยู่ เราเปลี่ยนกลับมาเป็นเพียงการพูดในมุมมองของ 'ตัวละคร' ตัวนั้นที่เราเป็น ซึ่งนั่นคือการที่เรากำลัง 'สวมบทบาท' ในฐานะของตัวละครอยู่ หาใช่เป็นการที่เราหยิบเอา 'ตัวตนจริง' ของเราออกมาพูดแทนตัวละครที่ตัวเราสร้างขึ้น

ข้อแตกต่างเพียงไม่กี่อย่างระหว่าง 'โรลเพลย์' และ 'นิยาย' นั่นคือการที่มันมีความจำเป็นต้องพึ่งพาการ Interaction จากสังคมของผู้ที่กำลังสวมบทบาทในนั้น เฉกเช่นเดียวกันกับสิ่งที่เรียกว่า 'คอมมู' หรือ 'คอมมูนิตี้ (Community)' ที่มันเองเสมือนเป็นกลุ่มคนของเหล่าผู้มีความชื่นชอบที่คล้ายกัน สร้างสังคมของการเล่นบทบาทสมมติขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการในการจะเข้าสังคมกับผู้อื่น โดยปราศจากการที่พวกเขา 'เลือก' เอาตัวตนในชีวิตจริง ๆ เข้ามาปะปนหรือมีส่วนเกี่ยวข้อง

หลายครั้ง การโรลเพลย์นั้นอาจมีส่วนที่ทำให้คนภายนอกรู้สึก 'สับสน' ไปบ้างเมื่อได้เห็นถึงสิ่งที่ผู้คนกำลังพูดคุยกัน ซึ่งสำหรับเรื่องนี้มันอาจเกิดขึ้นมาจากการที่พวกเขาพยายามใช้ 'บรรทัดฐาน' ของโลกความเป็นจริงในการมองถึงสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ทว่ากลับหลงลืมไปว่าแท้จริงทั้งหมดเป็นเพียงแค่ 'การแสดงบทละคร' ที่มันถูกรังสรรค์ขึ้นมาโดยมีคนทั้งสองเป็นทั้ง 'ผู้แสดง' และ 'ผู้กำกับ' ในเวลาเดียวกัน

ทั้งนี้แล้ว ผมไม่อยากให้มองว่าการโรลเพลย์นั้น = เบียวว่าเป็นตัวละคร ๆ ตัวนั้น

แต่อยากให้คิดไว้เสียว่ามันคือ 'การแสดง' ที่เรากำลังใช้ 'เวทีสาธารณะ' เป็นพื้นที่สำหรับการ Express Ourselves ออกมาในรูปแบบของ 'การละคร' หรือ 'การละเล่น' อย่างหนึ่งเพื่อความบันเทิงไปเสียมากกว่า

ซึ่งหากว่าคุณอ่านมาถึงตรงนี้ และเริ่มเข้าใจถึงสิ่งที่ผมกำลังสื่อออกมาทั้งหมด ยินดีด้วย! ในที่สุดคุณก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าการสวมบทบาทสมมตินั้น คือการเล่นละครในรูปแบบที่เราพยายาม 'เลียนแบบ' หรือ 'เป็น' ตัวละครนั้น ๆ

ทั้งนี้แล้วหากว่าจะต้องแบ่งแยกย่อยไปในหัวข้อลึกไปอีก เกรงว่านี่อาจเป็นการเขียนที่ยาวเกินไป หากแต่เพื่อให้เข้าใจตรงกัน ผมอาจจำเป็นต้องแปะลิงก์เอาไว้เพื่อขยายความอีกครั้ง


เมื่อช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ผมได้มีการลงบทความ ๆ หนึ่งที่มันว่าด้วยเรื่องราวของ 'ข้อความเสียว (Sexting)' ซึ่งในส่วนนี้เองมันก็ถือว่าเข้าข่ายของการ 'เล่นบทบาทสมมติ (Roleplay)' ไปเช่นเดียวกัน ซึ่งคุณสามารถเข้าไปหาอ่านได้ใน Blog หรือไม่ก็คลิ๊กตามลิงก์ด้านล่างตรงนี้ได้อีกครั้ง



เครดิตสำหรับภาพประกอบ (I miss him, literally)

ย้อนกลับไป ณ ยังช่วงสมัยก่อนที่ตัวตนของผมนั้นจะเปลี่ยนแปลงกลายเป็น 'แจ็คเกอร์' จนถึงทุกวันนี้ได้ ผมเองนั้นเคยผ่านการเล่นบทบาทสมมุติมาแล้วมากมาย และในหลาย ๆ บทบาทที่ผมได้ 'สวมใส่' ไปนั้น ถือว่ามันเองก็ได้สร้างความทรงจำอันมากมายให้กับทั้งตัวผม + ได้รู้จักกับคนมากหน้าหลายตา หรือแม้แต่มันได้เปิดโอกาสให้ผมได้เข้าสู่ 'โลก ๆ หนึ่ง' ที่มันเองมีอิทธิพลต่อตัวผมเองไปมากพอสมควร

หลากหลายตัวละครมากมายที่มันไม่ได้ถูกจำกัดในเรื่องของเพศสภาพหรืออะไรต่าง ๆ นานาไปเองก็ตาม ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ตัวผมในฐานะของ 'อดีตโรลเพลย์เยอร์ (Ex-Roleplayer)' คนหนึ่งเคยผ่านมามันมาก่อน และโดยที่ผมเองกลับไม่รู้ตัว สิ่งเหล่านี้มันกลับได้สร้าง 'ความทรงจำ' เอาไว้มากมายที่ผมไม่เคยได้คาดคิด การได้มีส่วนร่วมอยู่กับกลุ่มผู้คนที่สนใจในสิ่งเดียวกันกับเรา ล้วนเป็นอะไรที่ผมอดไม่ได้ที่จะแอบนึกย้อนไปถึงมันทุกครั้งเมื่อมีโอกาส

ครั้งหนึ่งที่ความพยายามส่วนใหญ่ของผมหมดเวลาไปกับการเข้าร่วมหรือมีปฏิสัมพันธ์มากมายในฐานะของตัวละครที่ผมนั้นชื่นชอบมากที่สุด หลาย ๆ บทบาทส่วนใหญ่ของมันมักจะหนีไม่พ้นไปกับเรื่องราวใน 'ความชอบ' ของสิ่งที่ตัวผมเองนั้นเคย 'Immerse' ไปกับมัน โดยหากจะให้ยกตัวอย่าง ๆ หนึ่งที่มันค่อนข้างมีอิทธิพลมากที่สุด คงจะหนีไม่พ้นหนึ่งใน 'ตัวละครต้นฉบับ (Original Character)' ตัวแรกสุดของผมเอง ซึ่งมันเป็นหนึ่งในตัวละครที่แม้จะมีการผลัดเปลี่ยนบทบาทหรือเพิ่มความ 'นุ่มลึก' ของมันมาแล้วกว่าหลายครั้ง หากแต่ใด ๆ เอง ผมกลับไม่เคยที่จะได้เล่าถึงในมุมมองของตัวละครตัวนี้ที่ผมนั้น 'หลงรัก' และ 'เบียว' ไปกับบทบาทของมันอย่างมากที่สุด

และตัวละครนั้นมีชื่อว่า 

เคออส เวนเจกซ์ (Chaos Vengeance)


"สวัสดี เหล่าผู้ที่ยังมีชีวิตรอด"

ตัวตนของหนึ่งในคาแรคเตอร์ ผู้มีบทบาทสำคัญในเรื่องราวนิยายของผม ชายหนุ่มผู้ถูกวางให้อยู่ในบทบาทของการเป็น 'ตัวร้าย (Antagonist)' ที่ไม่ได้กำเนิดขึ้นเพื่อเป็น 'ต้นแบบ (Role Model)' ที่ดีแต่อย่างใด กลับกันเขากลับเสมือนตัวแทนของมนุษย์คนหนึ่ง ผู้ที่ได้พัวพันเข้าสู่ 'วงการอาชญากรรม' ชนิดที่ยากเกินแก่จะถอนตัวออกมา

เคออส จัดได้ว่าเป็นหนึ่งในตัวละครของผม ณ ช่วงยุคสมัยตอนที่ผมยังเป็นเพียงแค่ 'เด็กวัยรุ่น' คนหนึ่งที่ถูกใจในรสนิยมของการใช้ตัวละครที่มีการสวมใส่ 'หน้ากาก (Mask)' เพื่อปิดบังใบหน้าของตัวเอง หากถามถึงว่าเหตุใดเองถึงชื่นชอบในการใช้ตัวละครที่มีการสวมใส่หน้ากากปิดบังใบหน้า นั่นก็คงต้องอ้างอิงไปถึง 'ความชอบ' และ 'รสนิยม' ที่มันให้ความรู้สึก 'ลึกลับ' และ 'น่าค้นหา' มากกว่าตัวละครหลาย ๆ ตัวที่ผมเคยได้สร้างมันขึ้นมา

ประวัติของคาแรคเตอร์ที่ถูกวางไว้นั้น อาจต้องย้อนเวลาไปถึงช่วงดั้งเดิมแต่ก่อนที่มันจะเป็น 'เขา' ในปัจจุบัน (ที่ปรากฎอยู่ภายในเรื่องราวที่ผมเขียนขึ้นมา) ของตัวเอง เคออส เวนเจกซ์ มีการเปลี่ยนแปลงประวัติอยู่หลายครั้ง รวมไปถึงความสามารถของตัวละครที่โดยมากมันมีการผสมผสานความเป็น Militaristic และ Assassin เข้าไปเป็นส่วนประกอบ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าแรงบันดาลใจส่วนหนึ่งของการที่ผมสร้างตัวละคร ๆ นี้ขึ้นมาและ 'สวมบทบาท' เป็นตัวของเขานั้น อาจคงต้องพูดไปถึงตัวละครในโลกวิดีโอเกมที่ผมรู้จักมากมายหลายเกม (และมันไม่ใช่ Metal Gear อย่างแน่นอน xD)

ทว่าส่วนนี้ผมคงอาจเล่าออกมาได้ไม่หมดนัก เนื่องด้วยสาเหตุที่ว่ามันค่อนข้างจะเก่าเกินไป ประกอบกับด้วยการที่ ณ ปัจจุบัน ผมยังคงสนุกกับการได้ทำสิ่งอื่น ๆ นอกเหนือจากกลับไปเพื่อ 'สวมบทบาท' เหมือนกับเมื่อก่อน เพราะอย่างงั้นแล้วสิ่งหนึ่งที่ผมบอกได้เกี่ยวกับตัวละครนี้ที่ผมสร้างขึ้นมา นั่นคือมันคือ 'ตัวตนอีกด้าน' ที่แอบซ่อน 'ความเป็นมนุษย์' เอาไว้ในรูปแบบที่สมจริงจนน่ากลัว

ด้วยบทบาทของการที่เขาถูกวางให้เป็นตัวร้าย เป็นอาชญากร เป็นผู้ก่อการร้ายลำดับสามที่ทั้งโลกต้องการตัว (ในเรื่อง) ด้วยเหตุนี้เอง การจะสร้างประวัติของตัวละครดังกล่าวออกมาจึงเป็นอะไรที่ผมค่อนข้างต้องใช้ความระมัดระวังพอสมควรในหลาย ๆ ด้าน แน่นอนว่าการจะโรลเพลย์ในบทบาทของ 'ตัวร้าย' ย่อมถือว่าเป็นสิ่งที่กระทำได้ยากมากเป็นพิเศษ แม้ว่าการอยู่ในบทบาทของเรื่องราวในเรื่องแต่งจินตนาการนั้นอาจเป็นอะไรที่ทำได้ 'ง่ายดาย' เสียยิ่งกว่า หากแต่เมื่อการต้องเข้ามาสวมบทบาทในการเล่นเป็น 'ผู้ร้าย' แล้ว ย่อมหมายความว่าโอกาสในการที่จะคุมโทนความเป็นตัวร้าย + โอกาสไม่ให้มีการหลุดคาร์ ค่อนข้างเป็นอะไรที่มันทำได้ยากพอสมควร

ถ้าให้ตั้งคำถามแบบง่าย ๆ ประมาณว่า 'เราจะสามารถโรลเพลย์เป็นตัวร้ายยังไง ให้ไม่ถูกมองว่าเป็นพวก 'เบียว' และ 'ติดการ์ตูน' มากเกินไป?'

หรือถ้าลึกไปมากกว่านั้นคือ 'การสร้างบทบาทของตัวร้ายนั้น มีผลพวงต่อการ Romantizied ทำให้ผู้คนเกิดมีความคิดบิดเบี้ยวที่มองว่าคนเหล่านี้คือ 'ตัวแทน' ของพวกเขาหรือไม่?'

อันที่จริงเอง ผมยังมีการตั้งคำถามอีกมากเกี่ยวกับตัวละครตัวนี้ และในหลาย ๆ คำถามที่ผมได้ตั้งขึ้นมา กลับดูเหมือนว่าผมพยายามที่จะศึกษาและทำความเข้าใจ เกี่ยวกับหลักความคิดของการเป็น 'ตัวร้าย' ที่ผมได้สร้างมันขึ้นมาจากจินตนาการของผมเอง

เบื้องหลังของการสร้างสรรค์ตัวละครตัวนี้ขึ้นมา มันเริ่มมาจากคำถามง่าย ๆ ที่ว่า 'ทำไมเราถึงต้องเป็นคนดี' และ 'การเป็นคนดี มันสำคัญยังไงกับการสร้างตัวละคร' ซึ่งตลอดระยะเวลาของการที่ผมได้โลดแล่นไปยังพื้นที่ต่าง ๆ อยู่หลายครั้ง ไม่ว่าจะการพยายามศึกษาตัวละครจากทั้งในเกม อนิเมะ การ์ตูน หรือสื่อบันเทิงในรูปแบบมากมายหลายอย่างแล้ว สิ่งหนึ่งที่คนกลับหลงลืมไปว่าอะไรคือ 'เสน่ห์' สำคัญที่ทำให้เรื่องราวมันน่าติดตามและสามารถครองใจเหล่าผู้ชมไปได้ ไม่ใช่อยู่ตรงการทำให้ 'ตัวหลัก (Protagonist)' มีบทบาทในการเป็นผู้ที่ได้แสงในการเฉิดฉายและโดดเด่นเกินกว่าใคร ๆ

ที่จริงแล้ว ผมอาจต้องเรียบเรียงคำพูดใหม่ ที่ว่า 'เหตุใดตัวเอกจึงมีบทที่โดดเด่นมากกว่าตัวละครอื่น ๆ ในเนื้อเรื่อง?'

ความแตกต่างระหว่าง 'ตัวเอก' และ 'ตัวร้าย' คืออะไร?
เป็นไปได้หรือไม่ที่เราจะสามารถทำให้ 'ตัวร้าย' กลายเป็นตัวละครหลักในการดำเนินเรื่องไปได้?

น่าแปลกที่ผมกลับไม่เคยตั้งคำถามว่าด้วยที่ว่า 'เพราะเหตุใด เราจึงหลงเสน่ห์กับตัวร้ายมากกว่าตัวดี?' ซึ่งมันถือเป็นหัวข้อหลักแยกไปได้อีกมาก ทว่าครั้นจะพูดส่วนนั้น ผมคงอาจจะไม่ได้จบการเล่าถึงเรื่องราวที่เกี่ยวกับ 'คอมมู' และ 'การโรลเพลย์' ไปแทน


อย่างไรเองก็ตามแต่ ท่ามกลางความเลวร้ายของสิ่งที่ตัวละครได้กระทำลงไป นั่นเองมันก็ได้มีการสอดแทรก 'ประเด็นทางสังคม' บางอย่างที่ผมได้แอบแฝงมันไว้อยู่เสมอ ๆ

เบื้องหน้าของบทบาทตัวร้ายที่วางไว้ อาจเป็นผลพวงมาจากสังคมและสภาพแวดล้อมที่ตัวละครได้ใช้ชีวิตอยู่ ซึ่ง ณ ตรงส่วนนี้ถือเป็น 'ส่วนหนึ่ง' ที่ผมค่อนข้างเชื่อมั่นในตัวเองระดับหนึ่งว่าการที่ผมสร้างตัวละครดังกล่าวขึ้นมา จุดประสงค์ของมันไม่ได้สร้างมาเพียงเพื่อแค่ให้ 'ชอบ' หรือ 'หลงรัก' แต่เพื่อเป็น 'การสะท้อน' ไปยังถึงแก่นของ 'ความเป็นมนุษย์' ที่มันล้วนเต็มไปด้วยความเลวร้ายและโสมมต่าง ๆ มากมายที่หลบซ่อนไว้อยู่ใต้พรม ความเลวระยำทั้งหมดที่เขาได้กระทำ หากตัดสินกันผ่านหลัก 'สามัญสำนึก (Common Sense)' ของมนุษย์โดยทั่วไป เราคงทราบกันเป็นอย่างดีว่า 'มันไม่สมควรกระทำ' เลยแม้แต่นิดเดียว

การที่ผมพูดถึงเรื่องของ 'ความรุนแรง' และ 'ความตาย' นั่นก็ไม่ได้แปลว่าผมจะสนับสนุนหรือ 'เข้าข้าง' ถึงการใช้ความรุนแรงต่อเรื่องราวใด ๆ ก็ตามที่มันปรากฎออกมาอยู่ในชีวิตจริง

เฉกเช่นเดียวกันถึง 'ตัวตนด้านใน' ของ เคออส เวนเจกซ์ ที่เขานั้นถือกำเนิดขึ้นมาจากการเป็นเพียง 'เด็กกำพร้า' ผู้โชคร้ายที่ได้รับอุบัติเหตุจากสารเคมีจนมันได้ทำลายใบหน้าของตัวเอง และตัดสินใจสวมใส่สิ่งที่เรียกว่า 'หน้ากาก' เพื่อปกปิดบาดแผลอันน่าอัปลักษณ์ตรงนั้น


หากแต่คำถามสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ 'เพราะอะไรถึงเลือกเป็น 'หน้ากากกันแก๊ส' แทนหน้ากากแบบอื่น?'

ตัวเลือกของการใช้หน้ากากเป็น 'สัญลักษณ์ (Symbol)' ในการแสดงออกมาของตัวละครแต่ละตัว โดยมากแล้วมักจะยึดโยงเข้ากับสิ่งที่พวกเขาสวมใส่ หลายครั้งมันทำหน้าที่เสมือนเป็น 'เรื่องราว' ในการบอกเล่าที่มาต่าง ๆ และในหลายครั้งมันก็ไม่ได้มีหน้าที่อะไรนอกเหนือจากการแค่เพียง 'ความหล่อเท่' ที่มันดูลึกลับ น่ากลัว และน่าค้นหา

ที่จริงเองแล้ว เหตุผลของการที่ผมเลือกให้ตัวละครสวมใส่เป็น 'หน้ากากกันแก๊ส' นั่นไม่ใช่เพราะว่าเพื่อความหล่อเท่แต่อย่างใด หากแต่เนื่องด้วยมันถือเป็นหนึ่งใน 'เอกลักษณ์' อันโดดเด่นเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ เคออส เวนเจกซ์ มีบทบาทที่แสดงถึงความน่าเกรงขามออกมา และด้วยความที่ว่าเขานั้นอาศัยอยู่ในพื้นที่ ๆ ถูกทิ้งร้างและเต็มไปด้วย 'สารกัมมันตรังสีตกค้าง' ด้วยเหตุผลเหล่านี้เอง มันเลยทำให้อุปกรณ์และการออกแบบตัวละครมักจะไม่ได้พึ่งพาแต่เพียงคำว่า 'ความเท่' เพียงอย่างเดียว แต่ในทางกลับกันมันยังต้องคำนึงไปถึงการที่ตัวละครมีความจำเป็นต้องมี 'เครื่องป้องกัน' ที่ในเวลาต่อมา มันได้ก่อกำเนิดให้กลายเป็นการที่เขานั้นคลุกคลีและใช้เวลาอยู่กับสิ่งที่ตัวเองสร้างขึ้นมานานพอสมควร

บุคลิกของเคออส ไม่ใช่คนที่จะก่อหวอดสงครามไปทั่ว ไม่ใช่ตัวร้ายที่โผล่มาเพียงเพื่อสร้างความวุ่นวายแก่โลกทั้งใบ นิยามของตัวร้ายในแบบของเขาเสมือนเป็นเพียงแค่ 'คนวิกลจริต' คนหนึ่งที่มีความบ้าบิ่นมากเพียงพอที่ยินยอมจะเป็นศัตรูกับทุกฝั่งฝ่ายโดยไม่สนใจว่าตัวเองนั้นจะต้องพบเจอกับอะไรต่อมิอะไร หากแต่อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ใช่มนุษย์ที่จะวางตัวเองเป็น 'ศัตรู' อยู่ตลอดเวลา

มุมมองหนึ่งที่ผมอยากแบ่งปันเกี่ยวกับตัวตนของเขานั้น คือสารที่สื่อถึง 'ความเป็นมนุษย์' ในรูปแบบที่ปราศจากซึ่งการเสแสร้งใด ๆ ก็ตามที่มันดู 'เกินจริง' มากเสียจนยากที่จะเชื่อถือได้ แน่นอนว่าการเข้าถึงบทบาทนี้มันไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนจะทำมันได้ดีนัก หลายครั้งผมมักจะเกิดความลังเลใจอยู่เสมอในการที่จะทำให้ตัวละครดังกล่าวมันสามารถ 'สุดโต่ง' ไปยังทางใดทางหนึ่ง จนหลายครั้งมันได้ก่อปัญหา 'บางอย่าง' ที่ผมไม่ค่อยอยากพูดถึงมันมากเท่าไหร่ หากแต่อย่างไรเอง ผมกลับรู้สึกว่ามีอะไรหลาย ๆ อย่างที่ตัวผมเอง 'เชื่อมต่อ' กับตัวละครพวกนั้น

เหล่าตัวร้ายผู้ถูกสาปให้เกลียดชัง ชายผู้ถูกตราหน้าว่าเป็น 'ศัตรู' ที่ลึกลงไปแล้วเขากลับแค่โหยหาซึ่งความเข้าใจจากใครสักคน...


Let's catch a break, shouldn't we?

ตัวตนของเขาจะถูกสลักเอาไว้ในฐานะของ 'มนุษย์' มากกว่าเป็นแค่ 'ตัวละคร' ในเรื่องราวของจินตนาการที่ผมสร้างขึ้น

และไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะการที่ผมแสดงบทบาทของเขาออกมาได้ 'สมจริง' มากจนเกินไป จึงเลยก่อให้เกิดการที่มีใครหรือกลุ่มใดสักกลุ่มหนึ่งที่พวกเขากลับรู้สึกไม่พึงพอใจมากเสียเท่าไหร่ หรือแม้แต่การพยายาม 'ป้ายสี' ตัวของผมต่าง ๆ นานาในสิ่งที่ผมมองเห็นถึงเจตนาในการพยายาม 'โจมตี' ตัวผมอย่างชัดเจน ณ ช่วงที่ผมตัดสินใจที่จะวางบทบาทของการสวมเป็น 'เขา' ลง


เพื่อให้ผมได้เรียนรู้ว่าสิ่งที่เขาเขียนมาทั้งหมด

กลับกลายเป็นว่าเศษเสี้ยวหนึ่งของ 'เขา' ยังคงติดอยู่ในตัวผม

ก่อนที่ภายหลังจากนั้น ชีวิตของการโลดแล่นในฐานะของผู้ชื่นชอบในการสวมบทบาทของผมเองจะดำเนินต่อไป จวบจนเมื่อผมได้เข้าสู่โลกของ 'เกณฑ์ทหาร' ไปแบบที่ไม่ได้สมัครใจอยากจะเป็น

หากแต่นั่นก็เป็นเรื่องของ 'อดีต' ที่ผมไม่อยากกล่าวถึงมากเสียไปเท่าไหร่ อย่างไรเสียเอง ผมคิดว่าตัวผมคงพูดหรือเล่าเรื่องราวอันเจ็บปวดและเป็น 'บาดแผลทางใจ (Traumatic)' ของตัวผมเองที่มันกลับยิ่งเปิดออกมากว้างมากขึ้น และมากขึ้น

ฉะนั้น ด้วยเหตุนี้เอง สิ่งหนึ่งที่ผมจะขอสรุปได้เกี่ยวกับเรื่องของ 'โรลเพลย์' นั้น ก็คือ 

'กิจกรรม งานอดิเรก หรือการละเล่นในรูปแบบหนึ่งของผู้ที่ต้องการสวมบทบาทในการเป็น 'ตัวละคร' เพียงสักตัวในเรื่องราวที่เราหรือคนอื่นแต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงใจ หรือเพื่อในการเข้าสังคมกับผู้อื่นและแสดงออกในฐานะของ 'นักแสดง' โดยที่ผู้แสดงนั้นกลับไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็น เรา ในบทบาทของ 'ตัวละคร' ที่เราสร้างมันขึ้นมา'

แน่นอนว่าเมื่อมันเป็นเรื่องของจินตนาการ ฉะนั้นแล้วหลักการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ 'ความเป็นจริง' ทั้งหลายแหล่ ถือว่าเป็นเพียง 'ส่วนเสริม (Optional)' ที่คุณสามารถใส่มันลงไปหรือไม่ใส่มันลงไปก็ย่อมได้เช่นเดียวกัน

'โรลเพลย์' มีจุดประสงค์เพียงเพื่อการละเล่นเพื่อความสนุกสนาน และมันปราศจากซึ่งประโยชน์แอบแฝงใด ๆ นอกจากการได้เข้าสังคมและการได้รู้จักกับผู้คน ทั้งนี้ทั้งนั้นเอง ผมก็อยากจะขอติด 'คำเตือน (Disclaimer)' ไว้เสียเล็กน้อย (แต่สำคัญมาก ๆ) ว่าพึงตระหนักไว้อยู่เสมอว่าทุกอย่างที่คุณแสดงออกมา อะไรใด ๆ ก็ตามแต่ที่มันปรากฎขึ้น ล้วนเป็นเพียง 'จินตนาการ' ที่ถูกสมมุติขึ้นเพียงเพื่อมอบ 'ความบันเทิง (Entertainment)' และมัน... ไม่ใช่ความเป็นจริง

*** การที่มีตัวละครสักคนพยายามจะลวนลามตัวละครของคุณ ≠ คุณถูกลวนลามในชีวิตจริง ***

การถูกคุกคามทางเพศ (Sexual Harassment) คือหนึ่งในสิ่งที่รุนแรงไม่ว่าจะเป็นกับเพศใดหรือใครก็ตาม แต่แน่นอนว่าเรื่อง ๆ นี้ผมอยากให้พยายาม 'แยกแยะ' มันออกไปจาก 'เรื่องแต่ง' และ 'สิ่งที่เกิดขึ้นในโลกความเป็นจริง' ไป เพื่อให้เข้าใจว่าสิ่งเหล่านี้มันไม่ใช่อะไรที่คุณควรจะกังวลมากถึงขนาดนั้น

คุณมีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง และมันก็ไม่มีความจำเป็นสำหรับการที่คุณต้องมีการนำใครก็ตามมา 'แคปภาพประจาน' และแปะป้ายว่า 'เตือนภัย' เพราะนั่นไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้คุณรู้สึกว่าตัวคุณเองสมควรได้รับการปกป้อง

หนึ่งในปัญหาเรื้อรังมากที่สุด และมันเป็นสิ่งที่ผม 'จงเกลียดจงชัง' มากเป็นพิเศษเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่าการ 'โรลเพลย์' นั่นคือการที่มีใครสักคนพยายามนำเอาคนอื่นมาแขวนประจาน และพยายามสร้างหาความชอบธรรมในการที่จะทำให้ตัวเองดูกลายเป็นคนที่ 'ถูกต้อง' มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และพยายามกดอีกฝ่ายให้ 'ต่ำลง' เพื่อคาดหวังว่าการกระทำเช่นนั้นจะทำให้เขาสำนึกผิดให้มากจนถึงขั้นยอม อัตวินิบาตกรรม ตัวเองไป (หรือหากให้ใช้คำรุนแรงมากกว่านั้นคือ ไล่ให้ไปตาย)


อาจต้องขอโทษมา ณ ที่นี้ ถ้าหากว่าผมเผลอใช้คำพูดที่ดูรุนแรงเกินไป กระนั้นลึก ๆ เอง เหล่าผู้ที่ชอบการนำเอาคนอื่นมาแขวนประจานในมุมมองของผม มักจะมีอยู่เพียงไม่กี่เหตุผลเท่าที่ผมเคยเจอ

และด้วยความที่ผมใช้เวลาพยายามในการทำความเข้าใจถึงมัน หลายครั้งแล้วเหตุผลลึก ๆ ส่วนใหญ่มักจึงลงเอยกับการที่พวกเขาคาดหวังในการอยากที่จะลากคอใครสักคนมากระทืบ หรือไม่ก็ เข่นฆ่า เสียเพื่อให้สาสมแก่ใจกับสิ่งที่พวกเขากระทำลงไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ซึ่งแน่นอนว่าภาพของการพยายามเหยียบคน ๆ หนึ่งให้จมลงไปกับดินนั้นดูไม่ต่างอะไรไปจาก 'สันดานดิบอันชั่วร้าย' ของผู้ที่นำคนอื่นมาประจาน โดยมีเหล่าพยานผู้พบเห็นหรือแม้แต่กระทั่งการเรียกหาเหล่า 'พรรคพวก' เข้ามาเพื่อกระทำสิ่งเหล่านี้ไปด้วย

คำว่า 'การตักเตือน' และ 'การประจาน' นั้นมีเส้นคั้นบาง ๆ กั้นเอาไว้อยู่

และผม... ในฐานะของผู้ที่เคยพบเจอเรื่องราวเช่นนี้มาก่อน ผมอยากเพียงให้ใช้สมองและคิดไตร่ตรองให้มาก ๆ ว่าอะไรก็ตามที่คุณเห็น ล้วนแล้วมีโอกาสเป็นไปได้ที่มันอาจเป็นทั้ง 'เรื่องจริง' หรือ 'เรื่องแต่ง' ที่สร้างขึ้นด้วยเจตนาอันไม่บริสุทธิ์ที่พยายามจะ 'ฟอกขาว' มันเพื่อให้ดูเป็น 'สิ่งที่ถูกต้อง' และ 'สมควรที่จะทำ'


(ChatGPT ยังมีสมองมากกว่าพวก...บางตัวซะอีก)



ผมคงต้องยอมรับตามตรงว่าตัวผมเองค่อนข้าง 'เจ็บปวด' เกินกว่าสำหรับการต้องหยิบเอาเรื่องราวในอดีตที่ตัวเองเจอออกมาเพื่อระบายถึงสิ่งที่ตัวเองเจอ

แม้ในแง่ดีของมันอาจช่วยทำให้ผมสามารถมีแรงฮึดและไอเดียพรั่งพรูมากมายในการเข็นงานเขียนของตัวเองออกมา หากแต่ในทางกลับกัน ยิ่งร่างกายและจิตใจผมซึมซับและอัดอั้นความเจ็บปวดเหล่านี้ไว้มากเสียเท่าไหร่ ยิ่งรู้สึกเหมือนว่านับวันมันมีแต่จะทำร้ายตัวเองมากไปขึ้นเท่านั้น

เรื่องราวของการสวมบทบาท หรือการโรลเพลย์ ผมอาจต้อง 'หยุด' มันลงไปเสียแต่เพียงเท่านี้ แน่นอนว่าความทรงจำทั้งที่ 'ดี' และ 'ร้าย' ที่มันปะปนกันไป ช่วยทำให้ผมตระหนักถึงความเป็นจริงของสังคมในด้านที่ผมไม่คิดว่าตัวเองจะได้เจอ ใครจะรู้ว่าสิ่งเหล่านี้อาจเลวร้ายเสียยิ่งกว่า 'อาชญากรรม' ไปมากเสียอีก

หากแต่ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม ผมยังคงพยายามอยู่เสมอ ตะเกียกตะกายตัวเองขึ้นมาจากเศษซากปรักหักพังตรงนั้นเพื่อที่จะทำให้ตัวเองได้รู้สึกถึง 'การมีชีวิต' อีกครั้ง

ไม่ใช่ในฐานะของ 'ใคร' หรือ 'อะไร' แต่มันคือสิ่งที่เรียกว่า 'มนุษย์' ที่ผมพร่ำบอกกับตัวเองอยู่ในทุกช่วงเวลา


ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ :)

ความคิดเห็น