[ตกผลึกทางความคิดผ่านโลกวิดีโอเกม Ep.2] หุบเขาเงียบงัน และการเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดที่ไม่มีวันจางหาย

ในความฝันอันระสับระส่าย ฉันเห็นเมืองนั่น


ไซเลนท์ ฮิลล์


คงอาจไม่ใช่เรื่องบ่อยครั้งนักที่ผมจะมีเรื่องราวกล่าวถึงเกี่ยวกับเกมที่ตัวเองไม่เคยได้เล่นหรือสัมผัสประสบการณ์นั้นโดยตรง หากแต่เมื่อหลังจากที่ได้เห็นและเข้าไปดำดิ่งเป็น 'ส่วนหนึ่ง' ของวิดีโอเกม ๆ หนึ่งที่มันค่อนข้างเป็นกระแสอยู่ ณ ช่วงเวลาที่ผ่านมา มันก็ทำให้ผมอดไม่ได้ที่อยากจะพยายามเขียนถงเรื่อง ๆ นี้ ผ่านการเล่าในมุมมองของผู้ที่ประสบกับเหตุการณ์เป็นผู้ป่วยทางจิตเวช ผนวกรวมกับการพยายามทำความเข้าใจถึง 'สัญญะ' บางอย่างที่อยู่ภายในเกม ด้วยเหตุนี้แล้วเลยขอเลือกที่จะเขียนถึงบล็อกและเรื่องราวนี้ยาวอยู่สักเล็กน้อย

(อาจไม่น้อยเท่าไหร่ แต่เรียกว่าค่อนข้างอาจจะยาวนานและกินเวลาหลายวัน)

ไซเลนท์ ฮิลล์ 2 ถือเป็นหนึ่งในเกมสมัยเด็กที่ผมเคยได้ยินมานานพอสมควร หากแต่เป็นเรื่องน่าเสียดายไปหน่อยเพราะในช่วงวัยนั้นผมไม่ได้มีโอกาสที่จะได้สัมผัสกับเกม ๆ นี้มากนัก อาจเรียกว่า 'ไม่มี' เลยก็ว่าได้ เนื่องด้วยเหตุผลของฐานะทางบ้านที่มันไม่ได้พร้อมเทียบเท่ากับหลาย ๆ คน

ช่วงยามวัยเด็กของผม ค่อนข้างเรียกได้ว่า 'สูญเสียโอกาส' เยอะมาก ๆ และหลายครั้งก็มักจะพัวพันอยู่กับเครือบรรดาญาติและไม่ได้ที่จะสุงสิงกับคนในวัยเดียวกันมากเท่าไหร่นัก ว่ากันแบบตามตรง ปมในใจหนัก ๆ เพียงเรื่องหนึ่งในจิตใจผมคือการที่ตัวเองไม่สามารถย้อนเวลาเพื่อกลับไปแก้ไขสถานการณ์ ณ จุดตรงที่มันเคยเกิดขึ้นมาแล้วได้ ทุกอย่างนั้นที่มันเกิดขึ้น ณ เวลาเพียงวัยเด็กตราบไปจนถึงวัยรุ่น มันค่อนข้างชวนทำให้ผมรู้สึก 'ละอายใจ' และเผลอ ๆ ผมเองอยากที่จะลบล้างตัวตนให้หายไปเหมือนกับมันไม่เคยมีอยู่ไปตั้งแต่แรก

ผม 'เกลียดชัง' ตัวตนของผม ตัวตนอันน่ารังเกียจ ตัวตนที่ไม่เคยได้ตระหนักถึงสิ่งใด ๆ ที่มันจะส่งผลต่ออนาคตและในปัจจุบันที่ผมกำลังเป็น ความรู้สึกของการได้รับซึ่งสิ่งที่เรียกว่า 'ความรัก' หรือ 'ความห่วงใย' เสมือนเป็นเศษแก้วที่มันทิ่มแทงใจของผมมาได้สักพักใหญ่ ด้วยเพียงเพราะเรื่องราวในครอบครัวของผมเองที่มันดูเหมือนกับว่าจะทำให้ผมสติแตกได้ทุกเมื่อ

หุบเขาอันเงียบงัน

ความสันโดษที่เปรียบดั่ง 'หนามแหลม' และเศษโลหะที่ผุกร่อนลงไปทุกเมื่อ




อาจเหมือนเป็นการพร่ำเพ้อมากเกินไปเสียหน่อย และแน่นอนว่าเหตุผลของการที่ผมอยากหยิบยกเกม ๆ นี้ขึ้นมาไม่ได้เพื่อที่จะวิเคราะห์ถึงสัญญะอะไรที่เกี่ยวข้องกับในตัวเกมมากนัก เชื่อว่าหลาย ๆ คนทั้งที่เล่นเกมนี้หรือเคยเล่นมาก่อนคงอาจเข้าใจไม่ยากถึงเรื่องราวที่มันข้องเกี่ยวกับ ไซเลนท์ ฮิลล์ ซึ่งโดยมากเอง ในมุมมองส่วนตัวสำหรับผม นี่ถือเป็นหนึ่งในเกมแนว 'สยองขวัญเชิงจิตวิทยา (Psychological Horror)' ชั้นเยี่ยมที่แสดงถึงการนำเอา 'บรรยากาศ (Atmosphere)' มาเป็นส่วนหัวใจหลักสำคัญในการดำเนินเรื่อง และบอกเล่าถึงความเป็นมาของตัวละครแต่ละตัวได้อย่างแยบยล

ผมตกหลุมรักในบรรยากาศแบบนี้ หลงรักมันเสียจนหลายครั้งผมกลับหลงลืมไปว่าตัวผมเองกำลังเข้าไปเป็น 'ส่วนหนึ่ง' อยู่ภายในเมืองดังกล่าว และได้หยิบจับอาวุธเพื่อต่อกรกับ 'ศัตรูในจิตใจ' ของตัวผมเองที่มันมาจากบาดแผลทางจิตใจ และความเกลียดชังจากเรื่องราวในอดีต

ผมคงเสียสติมากเกินไปที่จะพูดถึงเกม ๆ ที่มันส่งผลกระทบต่อจิตใจของตัวเองมากเกินไป

อย่างไรเสีย ทุกอย่างยังคงต้องดำเนินต่อ...

ผมคงไม่อาจสามารถพูดได้ถึงความรู้สึกที่มีต่อตัวเกมนี้มากเท่ากับคนที่เคยเล่นและได้สัมผัสมันมา หากเสียแต่อย่างไรเอง ผมพยายามที่จะกลับไปนึกย้อนถึงเรื่องราวในอดีตเมื่อครั้งก่อนที่ 'ตัวตน' ของผมจะถูกเปลี่ยนแปลงไปก่อนหน้าจะเข้าสู่ชีวิตในรั้วทหารเกณฑ์อย่างเป็นทางการถึงสองปี ช่วงเวลาเมื่อตอนที่มีเรื่องราวกระทบกระเทือนถึงจิตใจตัวเองเป็นจำนวนมาก และหลายครั้งผมมักจะบอกปัดปฏิเสธหรือมองข้าม 'บาดแผล' เหล่านั้นเพื่อที่จะโฟกัส ๆ ถึงการเดินมุ่งหน้าไปยังจุดมุ่งหมายของตัวเอง ชนิดที่ว่าอาจเคยต้องการ 'ขายวิญญาณ' ให้กับมัน

ผมเคยทำแบบนั้น หากแต่ผลตอบกลับที่ได้มันกลับไม่ได้เป็นไปตามที่ตัวเองต้องการนัก...

เฉกเช่นเดียวกับที่ตัวละครอย่าง 'เจมส์ ซันเดอร์แลนด์' ที่พยายามเดินทางเพื่อเข้าสู่เมืองไซเลนท์ ฮิลล์ ดินแดนม่านหมอกที่ถูกทิ้งร้าง

ผมกำลังเดินมองหาบางสิ่งบางอย่างที่หล่นหายไป
ผมไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร หากแต่ผมยังคงค้นหามันอยู่
ผมยังคงติดอยู่ ณ ที่แห่งนี้
ช่างโชคร้ายที่ไม่อาจหาทางออกไปได้ แต่อย่างไรเสีย ผมหวังว่าสักวันหนึ่งผมจะเจอ
หากเรามีความพยายามมากพอ เราจะได้ในสิ่งที่ต้องการ จริงหรือเปล่า?

ตลอดของการเสพสมห้วงบรรยากาศของไซเลนท์ ฮิลล์ ผิวเผินของมันอาจดูเสื่อมโทรมและแทบไม่มีใครอาศัยอยู่เลย (ยกเว้นเหล่าภูตผีที่มันคือ 'ภาพหลอน' ที่ถูกสร้างขึ้นภายในหัว) ทว่าหนึ่งในจุดที่น่าสังเกตของมัน คือการที่มันพอมีส่วนของร่องรอยที่มันเคยมีผู้คนเคยอาศัยอยู่ ณ ที่แห่งนี้มาก่อน บางอย่างที่มันอาจเป็นได้ทั้งปริศนาและ 'ปมเรื่อง' ที่อาจถูกต่อยอดไปยังภาคต่อถัด ๆ ไป (ถ้าไม่ติดเพียงเพราะด้วยเหตุผลบางประการที่ภาค 2 กลับถูกจัดว่ามันทำออกมา 'ดีเกินไป' จนยากที่ภาคถัด ๆ มาจะเทียบเท่าได้)

อย่างไรเองก็ตาม หากมองลึกกันอย่างถึงแก่นเรื่องราวของมัน ไซเลนท์ ฮิลล์ ในนิยามสำหรับผมอาจเป็น 'สถานที่แห่งความทรงจำ' ที่มันได้ถูกบิดเบี้ยวจากความรู้สึก ผิดชอบ ชั่วดี ของเหล่าตัวละครที่ถูกโยนเข้าไปในนั้น การพยายามเพื่อจะตามหาบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในม่านหมอกอันยากยิ่งจะคาดคะเนได้ถึงสิ่งที่จะได้พบเจอ

ด้านของเกมเพลย์นั้นไม่มีส่วนที่น่าหวือหวาเท่าไหร่นัก หากแต่ถ้ามองย้อนกลับไป ณ เมื่อครั้งที่มันได้ถูกเปิดตัวใหม่ ๆ ความสยองขวัญเชิงจิตวิทยาของมัน ถือได้ว่าทำให้ก่อเกิด Iconic ใหม่ ๆ ที่ไม่ได้เพียงแต่จะเป็นเกมที่มีการเล่าเรื่องราวที่ไม่สามารถฟังธงได้อย่างชัดเจนว่าเป็นอะไร หรือแม้แต่กับสิ่งที่เรียกว่า 'ฉากจบ (Ending)' ของเกมจะเป็นแบบไหน ทว่าสิ่งหนึ่งที่มันอาจติดค้างและ 'หลอกหลอน (Haunting)' อยู่ในความทรงจำของใครหลายคน เรื่องราวและบรรยากาศนี้กลับเรียกได้ว่ามันได้สะท้อนให้มองเห็นถึงปัญหาต่าง ๆ ที่มีอยู่ในตัวของมนุษย์ในแทบทุกคน

ทุกปมปัญหาสังคมต่าง ๆ ล้วนถูกเล่าผ่านเกม ๆ นี้ แม้จะไม่ได้มีการ 'ขยี้ปม' ส่วนนี้มากเท่ากับบรรดาเกมอินดี้หลาย ๆ เกมที่มีอยู่ในปัจจุบัน หากแต่การนำเสนอผ่านการใช้สีหน้าท่าทาง คำพูด หรือแม้แต่การแฝง 'สัญญะ' ภายในเกม มันค่อนข้างชวนให้ก่อเกิดชุดคำถามมากมาย เสมือนว่าเราต่างถูกดึงเข้ามาเป็น 'ส่วนหนึ่ง' ของมันโดยไม่รู้ตัว


เฉกเช่นเดียวกันที่มันสะท้อนถึงปัญหาในเรื่องของอาการและความเจ็บป่วยทางจิตใจที่ไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกวิธี แน่นอนว่าถ้าหากให้ผมพูดถึงมุมมองในเรื่องส่วนนี้ ไม่ว่าจะทั้งการทำหน้าที่ในฐานะของ 'คนดูแล' หรือ 'ผู้ป่วย' ก็ดี ย่อมเป็นสิ่งที่สร้างความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานไม่ต่างอะไรจากการที่ต้องกล้ำกลืนฝืนอดทนเพื่ออนาคตข้างหน้าที่ไม่อาจมองเห็นหนทางของแสงสว่าง

รสชาติความขื่นขมของชีวิต อาจเทียบเคียงได้กับ 'กาแฟดำ' ที่ไร้ซึ่งการปรุงแต่ง

อาจเหมือนกันที่ว่าเราต่างกำลังหลงทางอยู่ในเมืองม่านหมอกที่ไม่รู้ว่าอะไรอยู่ตรง
หน้าเรา

ไม่รู้ว่าอุปสรรคที่ขวางกั้นเราเอาไว้จะเป็นอะไร หากแต่ใด ๆ ก็ตาม...

พวกเรายังคงติดอยู่ใน 'วังวนแห่งความรู้สึกผิด' เหล่านี้เอาไว้

และมันก็รอคอยช่วงเวลาที่จะเข้ามาหลอกหลอนเราในยามหลับใหล

การปรากฎตัวของเหล่าปีศาจอาจเป็นได้ทั้ง 'ภาพหลอน' หรือ 'จินตนาการ' ที่เกิดจากพลังเหนือธรรมชาติที่ไม่มีที่มาที่ไปอย่างชัดเจนนัก อาจกล่าวได้ว่าเรื่องราวของ ไซเลนท์ ฮิลล์ เป็นเรื่องราวที่จุดจบของมันค่อนข้าง 'คลุมเครือ' ในหลาย ๆ ความหมาย นับแต่ที่มันได้คลอดออกมาในช่วงเวลาราว ๆ เกือบ 20 ปีที่แล้วก็ว่าได้

จวบจนเมื่อมันได้ถูกนำมาสร้างใหม่อีกครั้ง โดยที่ยังคงความหมายเดิมไปอย่างไม่มีการเปลี่ยนแปลง...


----------------------------------------------------------------------------

เรื่องราวของ 'หุบเขาเงียบงัน' จะดำเนินต่อไปหรือไม่? ทั้งหมดเป็นเรื่องของอนาคตข้างหน้าที่ค่อนข้างยากจะบอกได้ เช่นเดียวกับเรื่องของชะตากรรมตัวละครเองก็ไม่ต่างกัน ความจริงของโลกใบนี้ที่เราต่างรู้กันอย่างดีคือ ไม่ว่าต่อให้ 'ภูตผีปีศาจ' หรือ 'สิ่งเหนือธรรมชาติ' จะเป็นเรื่องที่พิสูจน์ได้จริงหรือไม่ ทว่าสิ่งหนึ่งที่เราได้เห็นกันจากชีวิตประจำวัน หรือแม้แต่การปรากฎของสื่อในหลากหลายรูปแบบ ข้อความส่วนใหญ่มักจะออกไปในทางเดียวกันอยู่เสมอว่า มนุษย์คือสิ่งที่น่ากลัว อยู่เสมอ...

ผมคงจะไม่ขอออกความเห็นอะไรมากไปเสียกว่าการปล่อยให้คุณได้ 'เสพสมกับห้วงอารมณ์' นี้ไป ตั้งคำถามและตระหนักถึงการกระทำของตัวเองให้มาก ๆ ยิ่งโดยเฉพาะในโลกที่ทุกคนล้วนมีพลังอำนาจอยู่ในมือที่สามารถ 'ชักจูง' ใครก็ได้ให้กระทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ไม่ว่าใครก็ล้วนมีความสามารถมากพอในการทำให้พลังอำนาจของ ไซเลนท์ ฮิลล์ นั้นทวีคูณความรุนแรงมากขึ้นไปอีกได้มากกว่าเดิม

เฉกเช่นเดียวกับที่ผมถึงใช้หัวข้อ 'ตกผลึกทางความคิดผ่านโลกวิดีโอเกม' จุดประสงค์ของมันอยู่เหนือมากกว่าแค่การเสพบรรยากาศ เสพเรื่องราวและการดำเนินเรื่อง แต่มันเป็นการนำมาจับจุดประเด็นในเรื่องสำคัญ ๆ โดยปราศจากซึ่งมุมมอง 'การตัดสิน (Judge)' หากแต่เป็นการ 'ตระหนักรู้ (Realize)' เพื่อที่จะยกระดับของตัวเราให้สูงส่ง เพื่อให้ได้เข้าใจถึงผู้ที่แตกต่างไปจากเรา โดย เขา หรือ เธอ อาจถูกมองว่าเป็น 'ตัวประหลาด' และ 'น่ารังเกียจ' ไปยังไงก็ตาม

เพราะพวกเราต่างคือ 'ผู้หลงทาง (Lost)'

อยู่ภายในโลกที่ไม่มีอะไรเป็นเหตุและผล

พวกเรามองหาหนทางเพื่อทำให้ตัวเอง 'หลุดพ้น' จากบาปที่ก่อเอาไว้

หากแต่บาปเหล่านั้นกลับเป็นเรื่องยากลำบากเกินกว่าที่จะยอมรับมัน

'ความเจ็บปวด' และ 'วังวน' จะยังคงอยู่ตราบนานเท่านาน

และกว่าจะถึงตอนนั้น...

ผมหวังว่าพวกคุณจะปล่อยวางมันได้

ในสักวัน


ความคิดเห็น