[Morning Thoughts] ความร้อนแรงทางการเมืองในปี 2024 กับมุมมองของประชาชนผู้คาดหวัง "ความเปลี่ยนแปลง"

 


"ความยากของการเปลี่ยนแปลง คือการที่สิ่งดั้งเดิมถูกแช่แข็งเอาไว้ติดอยู่กับที่ แม้จะมีการเคลื่อนไหวไปข้างหน้า ทว่าสักวันหนึ่งมันจะวนมาบรรจบ ณ จุดเดิม"

ภายหลังจากเหตุการณ์ทางการเมืองเกิดความเปลี่ยนแปลงชนิดที่แทบจะเป็นรายวัน มันก็เป็นอีกครั้งที่ผมอดตั้งคำถามไม่ได้ถึงจุดต้นกำเนิดหรือว่าเรื่องราวความเป็นมาเกี่ยวกับสาเหตุที่คนบางกลุ่มถึงยังเลือก 'ยึดติด' สิ่งเดิมที่ผ่านมานานมากกว่าหลายปี

อย่างไรเองก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะขอใช้พื้นที่ตรงนี้ในการเป็น 'กระบอกเสียง' บางอย่างเพื่อที่จะเป็นการตั้งคำถามและทำให้ทุกคนได้ตระหนักรู้ถึงเรื่องราวของสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด บทเรียนของการปล่อยปละละเลยและไร้ซึ่งการตั้งคำถามถึง 'อำนาจที่ล้นมือ' ของกลุ่มคนเพียงไม่กี่กลุ่มที่ยกตัวเองอยู่เหนือกว่า 'มนุษย์' เพียงภายนอก หากแต่ด้านในตัวของพวกเขากลับ 'ขี้ขลาด' เสียเกินกว่าจะเข้าใจถึงการทำงานของ 'ความจริง' ของโลกใบนี้ว่ามันทำงานเช่นไร

ราวกับพวกเขาติดอยู่ใน 'กาลเวลา'

ราวกับว่าทุกอย่างในสายตาของพวกเขา มันคือการละเล่นกับ 'ชีวิตของประชาชน' ที่กำลังจะตายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

เรามาพูดถึงเรื่องของ 'การเมือง' กันสักหน่อยไหม? :)


อาจต้องเท้าความกันสักเล็กน้อยว่าตัวของผมนั้นไม่ได้มีแนวร่วมทางความคิดเข้ากับใครหรือเข้าข้างฝั่งไหนแทบทั้งสิ้น และแน่นอนว่าเพื่อแสดงออกถึงจุดยืนในความชัดเจนเกี่ยวกับความเห็นของเรื่องนี้ ก่อนอื่นผมต้องขออธิบายถึงเหตุและผลก่อนว่าทำไมจู่ ๆ ถึงได้เลือก 'หัวข้อชวนสุ่มเสี่ยง' ในการเปิดประเด็นพูดคุยเช่นนี้

แน่นอนว่าสำหรับบล็อกนี้ ผมไม่ได้มาเพื่ออธิบายถึงแนวคิดข้างไหนหรือฝั่งใด และที่สำคัญต้องเข้าใจก่อนว่า 'แนวคิดทางการเมือง' ถือเป็นเรื่องของปัจเจกบุคคล ฉะนั้นแล้วมันจะไม่มีฝั่งไหนที่ 'ผิด' และ 'ถูก' หากเพียงแต่ผมกำลังบอกว่ามันล้วนขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอก สภาพแวดล้อม และสิ่งที่มันตรงกับ 'ความเชื่อ' ของคุณมากที่สุด

ทั้งนี้ การคงสภาพซึ่ง 'ความเป็นกลาง' ทางการเมืองนั้น ถือเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก เมื่อใดเองที่สิ่งที่เรียกว่า 'การเมือง' มันได้เข้าสู่พวกเรา เมื่อนั้นแล้วนั่นหมายความว่าเราทุกคนต่างล้วนเป็น 'ผลผลิต' ทางความคิดของสิ่งที่มันได้ทำหน้าที่เป็น 'เค้าโครง' ในตัวของเรามาตั้งแต่ที่เราเกิด จวบจนกระทั่งเมื่อเราได้ตายลงไป เค้าโครงทางความคิดของการเมืองนั้นมันจะยังคงติดตัวเราไปตลอดเวลา

ในท้ายที่สุด เราต่างต้องเลือกข้าง


หากแต่สิ่งเหล่านั้นมันสามารถ 'เปลี่ยนแปลง' ไปได้เสมอ และแน่นอนว่านั่นรวมไปถึงมุมมองทางด้านของการเมืองเองก็ไม่ต่างกัน

เราคงปฏิเสธกันไม่ได้ว่า ณ ทุกชั่วขณะของสิ่งที่เรียกว่า 'รัฐบาล (Government)' ยังคงดำเนินอยู่ต่อไปนั้น แน่นอนว่าความเห็นที่พวกเขามีและสิ่งที่พวกเขากระทำ มันชวนให้เกิดการตั้งคำถามในเชิงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากมาย หลายครั้งนั้น ผมมักจะได้ยินถึงผู้เชี่ยวชาญทางด้านการเมืองกว่าหลายท่าน ออกมาพูดในหัวข้อเหล่านี้หรือแสดงความเห็นในมุมมองของผู้คลุกคลีเกี่ยวกับเรื่องของ 'ระบบการปกครอง' และ 'วิชารัฐศาสตร์' ซึ่งแน่นอนว่าผมเองคงไม่ได้มีความเชี่ยวชาญหรือรู้เรื่องเหล่านี้ในเชิงลึกมากนัก (หรืออาจเรียกได้ว่า 'ขาดเขลา' ซึ่งสิ่งเหล่านี้เลยก็เป็นได้)

อย่างไรก็ตาม หากมองไปยังถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกใบนี้ หรือแม้แต่กับเรื่องราวของการ 'ตีความ' ข้อกฎหมายต่าง ๆ ณ ประเทศที่ผมกำลังอาศัยอยู่ บางอย่างล้วนเป็นสิ่งที่มีมาอยู่แต่ก่อนแล้ว ซึ่งเหตุและผลของมันอาจขึ้นอยู่กับ 'อำนาจตุลาการ (Judiciary)' ที่พวกเขาเปรียบได้ดั่งเป็นผู้ชี้เป็นชี้ตายเกี่ยวกับสิ่ง ๆ หนึ่ง มันอาจเป็นได้ทั้งการระงับข้อพิพาท ภายใต้การแยกอำนาจไปในแต่ละส่วน ซึ่งอย่างไรเอง เกณฑ์ของความผิดที่แต่ละคนได้รับจะขึ้นอยู่กับอำนาจของนิติบัญญัติที่มีหน้าที่ในการสร้าง 'กฎหมาย (Law)' ขึ้นมา และผู้รับหน้าที่ในการบริหารและบังคับใช้สิ่ง ๆ นั้นคืออำนาจของฝ่ายบริหาร ซึ่งหากให้ผมสรุปตามความเข้าใจของตัวเอง (แน่นอนมันอาจไม่ถูก 100% ถึงกระนั้นผมพยายามทำความเข้าใจเรื่องนี้อย่างใจเย็นอยู่) นั่นคือ 'ตำรวจ' กับ 'ผู้พิพากษา' โดยมีฝ่ายขั้นกลางนั่นคือ 'นักกฎหมาย' หรือ 'ทนายความ' ผู้ทำหน้าที่ในการว่าความให้กับตัวผู้กระทำผิด

ทว่าทั้งหมดนั่นมันเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องของการเมืองกันแน่? ใช่... มันมีส่วนเกี่ยวข้องกัน และแน่นอนว่าถ้าหากคุณลอง 'ตกผลึก' ความคิดของตัวเองและทบทวนตัวเองกันอีกสักหน่อย คุณจะพบได้ว่า 'การเมือง' นั้นมันข้องเกี่ยวกับชีวิตของเราแทบจะทุกคนไปทั้งหมด

ความซับซ้อนว่าด้วยเรื่องของกฎหมาย แม้มันจะเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาเพื่อทำความเข้าใจ หากแต่เมื่อใดที่คุณได้เพิ่มพูนความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ไปมากขึ้น มันจะเปรียบได้กับเป็น 'อาวุธ' และ 'เครื่องป้องกันตัว' ในยามที่คุณถูกคุกคามจากอำนาจอันไม่เป็นธรรมจากผู้ไม่หวังดี



เป็นเรื่องยากที่ผมจะให้คำตอบได้ว่า การเมืองในอนาคตจะเป็นเช่นไร? หรือคำถามที่ว่า เมื่อไหร่ที่ประเทศชาติจะได้รับการพัฒนาไปอย่างที่มันควรเป็น?

เราทุกคนต่างมีคำถามเกี่ยวกับเรื่องนั้น จวบจนกระทั่งมันเองก็ได้เลือนหายไป คุณต้องเข้าใจว่าสิ่งเหล่านี้มันไม่ใช่อะไรที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดจนถึงขั้นต้อง Take it seriously ไปกับมัน หากแต่มองมันให้เปรียบเสมือนกับเป็น 'ความรู้' หรือ 'เรื่องราวชวนให้คิด' เกี่ยวกับมันเพื่อยกระดับความคิดและตัวตนของคุณ บางสิ่งที่เหล่านักการเมืองออกมาพูดนั้นอาจทำให้ความคิดของคุณกำลังรู้สึก 'ไขว่เขว่' ไปได้ในทุกเมื่อ ถึงกระนั้นผมอยากให้คุณได้ตั้งสติเพื่อคิดถึง 'หลักคุณธรรม' และ 'หลักความเป็นจริง' เพื่อให้เข้าใจว่าสิ่ง ๆ หนึ่งที่พวกเขากล่าวออกมามันมีไว้เพื่อ 'ชักจูง' ให้กลุ่มคน ๆ หนึ่งสามารถเข้าหาพรรคการเมืองนั้นได้โดยไม่ยากเย็น

ไม่มีแนวคิดทางการเมืองไหนที่ตัวมันคือหลักฐานยืนยันว่าตัวมันเอง 'สมบูรณ์แบบ' และ 'ไร้ที่ติ'

หากแต่มันมีเพียงแค่ว่า เราจะสามารถมีสิทธิ์ในการออกเสียง หรือว่า เราจะสามารถแสดงออกถึงแนวคิดบางอย่างที่เรามีได้หรือไม่?

ตราบใดเองที่แนวคิดเหล่านั้นมันไม่ได้ข้องเกี่ยวกับเรื่องราวของกลุ่มคนใดคนหนึ่ง หรือมันส่งผลต่ออิทธิพลที่อาจทำให้คุณตกอยู่ในอันตรายได้ทุกเมื่อ ฉะนั้นแล้ว ผมขอให้คุณจงได้ 'ตั้งสติ' และ 'ทบทวน' ให้ดีถึงสิ่งที่คุณแสดงออกมาเมื่อมันมีเรื่องของการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง

หรือแม้แต่กับประเด็นเรื่องความละเอียดอ่อนที่เกี่ยวกับ 'ชาติพันธุ์, สีผิว, เพศวิถี, สงคราม' หรือในอีกหลายเรื่องที่มันอาจนำพาคุณไปสู่จุดที่คุณกำลังพาชื่อเสียงของตัวเองไปเสี่ยงโดยใช่เหตุ

พวกเขากำลัง 'จับตาดู' เราอยู่...



ความคิดเห็น