ก่อนยามรุ่งสางมาเยือน...

 


ความเปล่าเปลี่ยวในตัวของผมกำลังร้องหาซึ่งการได้ถูกเติมเต็ม
ทว่าวันนั้นคงอาจยังมาไม่ถึง ตราบใดเองที่ผมยังคงไม่สามารถบรรลุผลตามที่วางไว้ได้
และมันเองค่อนข้างเป็นการ 'บำเพ็ญเพียร' ตัวเองไปเสียโดยใช่เหตุ


ตามหัวข้อของโพสต์กับช่วงเวลาของการที่ผมเขียนสิ่งนี้ขึ้นมา แน่นอนว่ามันยังไม่ได้ไปถึงช่วงเวลาของการที่ช่วงเวลายามเช้ามาเยือน หากแต่กลับตาลปัตรกัน มันคือช่วงของการที่ผมใช้เวลาสำหรับการ 'ตกผลึก' ทางความคิดของตัวเอง ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าทั้งหมดเหล่านั้นมันเป็นเพราะผมขาดการมีส่วนร่วมกับสังคมมากจนเกินไป หรือไม่ก็สุดท้ายผมเพียงแค่ 'วิกลจริต' จนเลือกที่จะออกห่างจากในทุกสิ่งทุกอย่างที่จวนให้ผมรู้สึกว่ามันค่อนข้างทำให้ผม 'หงุดหงิดใจ' มากเกินไปสักหน่อย

นี่เป็นช่วงเวลาของยามค่ำคืน ภายหลังจากที่ผมใช้เวลาไปเกือบนับห้าหรือหกวันมาได้ เดือนสิงหาคมนี้ ถือว่าเป็นเดือนที่ค่อนข้างมีหัวข้อประเด็นเดือดต่าง ๆ มากมายที่มันอาจไม่ได้มีส่วนข้องเกี่ยวใด ๆ กับการใช้ชีวิตมากนัก แต่ในส่วนของสิ่งที่เรียกว่า 'สังคมโซเชียล' กลับมากไปด้วยคำถามนับอนันต์ที่ไร้ซึ่งคำตอบ

ชายแท้ ปะทะ เฟมทวิต
ค่านิยมของความเป็นชาย คืออะไร?
สิ่งใดที่เป็นคำกำหนดนิยามของความเป็น 'ผู้ชาย' และ 'ผู้หญิง'
อะไรคือเหตุผลของการที่ผู้หญิงถึงต้องแต่งสวย?
การคบชู้ ถือเป็นเรื่องที่ผิดหรือไม่?
อะไรคือการนับ Body Count สำหรับผู้หญิง?

ทั้งหมดเหล่านี้ที่จริงมันเป็นแค่ 'คำถาม' ส่วนหนึ่งของสิ่งที่ผมได้ยินมาจากมุม ๆ หนึ่งของสื่อโซเชียลที่ผมไม่เคยคิดจะเฉียดใกล้ และก็ไม่อาจรับรู้ได้ว่าเพราะอะไรจู่ ๆ สิ่งเหล่านี้มันถือว่าได้กลายเป็นประเด็นที่พูดคุยกันอย่างหนาหูจนตัวผมเองก็ดันเผลอได้รับผลกระทบไปแบบไม่รู้ตัว

ผมอาจจะคิดไปเองว่าบางทีแล้ว ในโลกอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ เรื่องราวบางอย่างที่มันเผยแพร่ออกมาสู่โลกอินเตอร์เน็ตล้วนเป็นเพียงแค่ 'ความคิดเห็น' อย่างหนึ่งของผู้คน หาใช่เป็น 'ข้อเท็จจริง' ที่มันสามารถพิสูจน์ออกมาได้อย่างเป็นรูปธรรม

แท้จริงคือ ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายที่มีความคิดที่ 'ถูกต้อง' หรือ 'ผิดพลาด' หากแต่ผมคิดว่าเราทุกคนต่างล้วนคือ 'มนุษย์' ซึ่งหากตัดเอาเรื่องของคุณค่าทางศีลธรรม จริยธรรม หรือคุณธรรมและความเชื่อทั้งหมดทิ้งออกไป เนื้อแท้ของเราก็ไม่ต่างไปเพียงแค่ 'สัตว์สองขาที่มีสมองและมีกระบวนการทางความคิดอันซับซ้อน' ที่มันได้ต่อยอดทำให้เราสามารถคิดค้นสิ่งต่าง ๆ ออกมาได้จวบจนมาถึงปัจจุบัน

เราทำผิดพลาดหลายครั้ง และเราก็จะทำมันพลาดไปอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ดั่งภาษิตที่ว่า 'ทุกสิ่งที่สามารถผิดพลาด จะผิดพลาด (Anything that can go wrong, will go wrong.)'


บางครั้งผมคง 'คิดมาก (Overthinking)' เกินไป

ในทุกครั้งของการที่ผมได้ตัดสินใจในการ 'ช่วยตัวเอง' เพื่อปลดปล่อยอารมณ์และความรู้สึกอันหนักอึ้งเหล่านั้นทิ้งไป สิ่งที่หลงเหลืออยู่นอกจากเพียงหัวสมองที่ขาวโพลนไปชั่วขณะ มันก็ตามมาด้วยความคิดหนึ่งที่แวบเข้ามาแทนที่ในตัวของผม มันไม่ใช่ความคิดในแง่ร้ายหรือเป็นอะไรที่มัน 'รุนแรง' มากเกินกว่าเหตุ หากแต่เป็นเพียงสิ่งที่ผมไม่เคยได้เล่ามันออกมาเสียมากกว่า

ผมใช้เวลาเกือบ 90% ของทุกวันในการคุยกับ 'เสียงในหัว'

มากกว่าที่จะคุยกับ 'ผู้คน'

เมื่อเติบโตมากขึ้น ความซับซ้อนในสังคม ปัญหาคาราคาซังที่ซุกไว้อยู่ใต้พรมก็เริ่มโผล่ออกมาให้เห็น สิ่งเหล่านั้นชวนให้ผมได้แต่รู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นไปอีก และไม่อาจละสายตาไปจากสิ่งที่เกิดขึ้น ณ ตรงนั้นได้ไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตาม

บางอย่างที่พอจัดการได้ ผมก็ไม่ลังเลที่จะทำมัน ทว่าบางอย่างเองที่มันเกินกว่ากำลัง และความสามารถของตัวเองมากไป บางครั้งแล้วการปล่อยให้พวกเหล่า 'ผู้เชี่ยวชาญ' ทำหน้าที่ส่วนนั้นก็เป็นการที่ดีไปเสียกว่า

ต้องขออภัยถ้าหากว่านี่อาจเป็นการ 'พร่ำเพ้อ' เสียมากเกินไป ที่จริงแล้วผมแค่กำลังอยู่ในช่วงที่ตัวเองยังพอมีเรี่ยวแรงในการคิดและละเลงพิมพ์อะไรบางอย่างลงไปในแป้นคีย์บอร์ดตรงนี้อยู่ ผมไม่รู้ว่าหากตื่นขึ้นมาในช่วงเช้านี้ เมื่อผมกลับมาอ่านถึงสิ่งนี้อีกครั้ง ผมจะมีปฏิกิริยาแสดงออกว่าเป็นยังไง หากแต่เรื่องหนึ่งที่ผมค่อนข้างมั่นใจมากที่สุด นั่นคือปัญหาต่าง ๆ ที่มันเกิดขึ้นรอบตัวของผม มันจะยังคงไม่มีทางหายไปไหน ทุกอย่างกลับย่ำอยู่กับที่ และเผลอ ๆ นั่นอาจจะแย่เสียยิ่งกว่าเดิม จนอาจทำให้ผมรู้สึกเหนื่อยมากเกินไปที่จะไล่ตามมัน

มีประเด็นมากมายหลายเรื่องที่ผมอยากนำมาพูดถึง

หากแต่ ณ เวลานี้ ณ ตอนนี้... ผมต้องการ 'การพักผ่อน (Take A Rest)'

และก็ถวิลหามันเอามาก ๆ ด้วย


ความคิดเห็น