The More You Know, The Less You Enjoy

 


"ความน่าหลงใหลของการจมลงสู่ห้วงแห่งความคิดในจิตใจที่เปราะบาง ย่อมนำมาสู่ซึ่งการตั้งคำถามมากมายที่ตัวมันเองมีคำตอบอยู่ตรงหน้าไปแล้วตั้งแต่แรก อย่างไรเอง... เหตุใดกันมันถึงทำให้เราไม่รู้สึกถึง 'ความเพลิดเพลิน' ในการค้นหาคำตอบที่เราต้องการอยากรู้มันเอาเสียเลย..."

เป็นช่วงเวลาอีกหนึ่งวันที่อาจไม่มีความพิเศษใด ๆ นอกจากเพียงแค่เป็นวันที่ชวนให้ผมรู้สึก 'คอแห้ง' เป็นอย่างมาก เนื่องจากขาดการดื่มน้ำในปริมาณที่พอเหมาะในแต่ละวัน (แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ดี และไม่ควรทำตามเยี่ยงอย่าง)

หากแต่ว่านั่นไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร นอกจากเพียงเป็นการบ่นระบายไปเรื่อยตามประสาของผู้ที่กำลังก้าวเข้าสู่วัย 30 ในอีกช่วงเวลา 3 ปีข้างหน้า ซึ่งกว่าจะถึงตอนนั้น ไม่แน่ว่าผมเองอาจใช้เวลาในการ 'ตกผลึก' ความคิดต่าง ๆ ของตัวเองเพื่อเผชิญหน้าเข้ากับความกังวลกับสิ่งที่มันยังมาไม่ถึง ณ ตอนนี้...


"The More You Know, The Less You Enjoy"

เพื่อที่จะให้เข้าใจตรงกัน ก่อนอื่นต้องบอกไว้ก่อนว่าถ้าหากคุณเห็นจั่วหัวของบทความนี้ ผมอาจต้องขอแสดงคำเตือนสักเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องของ 'ชุดความคิด' ที่มันอาจไม่ได้ตรงกับใครหรืออะไรมากนัก หากเพียงแต่ทั้งหมดนี่ถือเป็นเพียงการชวนคุยในประเด็นเรื่องสั้น ๆ ว่าด้วยเรื่องราวในชีวิตที่มันมีการ 'ผันเปลี่ยน' ไปอยู่ตลอดเวลา และหลายครั้งแล้ว 'ชุดความคิด' ของมนุษย์เราเองมันก็ย่อมมีวันถูกนำมาแทนที่ของเดิมที่เราเคยเชื่ออยู่เสมอ เฉกเช่นการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและสังคมที่เราอาศัยอยู่

และอย่างที่สอง... นี่อาจเป็นเพียง 'ความไร้สาระชวนน่าขบขัน' ที่ผมสร้างขึ้นเพียงเพื่อหวังผลาญเวลาให้กับใครก็ตามที่หลงเข้ามาอ่าน อย่างไรเอง มันก็ถือเป็นสิ่งที่ชวนให้ใช้การคิดวิเคราะห์อยู่ไม่น้อยเกี่ยวกับว่าด้วยเรื่องของ 'ความรู้ (Knowledge)' และ 'ความเพลิดเพลิน (Enjoyment)'

สองอย่างนี้แม้จะอยู่ขั้วตรงข้าม แต่กลับมีส่วนที่เชื่อมโยงกันอย่างน่าประหลาดใจ ยิ่งโดยเฉพาะเมื่อนำมันไปใช้ขบคิดเกี่ยวกับเรื่องของ 'วิดีโอเกม (Videogames)' ด้วยแล้ว นั่นย่อมหมายความว่ามันคือสิ่งมหัศจรรย์หนึ่งอย่างที่ผมกลับรู้สึกติดพันมันราวกับคือ 'ส่วนหนึ่ง' ในชีวิตของตัวเอง

ซึ่งอย่างที่ผมรู้ตัวผมเองดี อิทธิพลส่วนหนึ่งของการที่ตัวผมเองก้าวหน้ามาสู่จุดนี้ได้ เจ้าสิ่งที่เรียกว่า 'วิดีโอเกม' มันก็ได้ช่วยเหลือผมในการหล่อหลอมความคิด แบ่งปันมุมมอง รวมไปถึงเปิดกว้างจินตนาการที่ผมไม่อาจคิดได้ถึง 'ความเป็นไปได้ (Possibility)' ที่สิ่งดังกล่าวมันจะเกิดขึ้นมาจริง ๆ

หลายครั้งผมชื่นชอบและหลงใหลในการได้เพลิดเพลินไปกับการใช้ช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตเพื่อที่จะตามหา 'ความลับบางอย่าง' ภายในวิดีโอเกมที่ผมชอบเล่น การดื่มด่ำกับบรรยากาศที่ผันเปลี่ยนไปตามที่ตัวเกมมันได้นำเสนอ และเช่นเดียวกันเองมันก็ได้เผยแพร่อิทธิพลเกี่ยวกับ 'รสนิยมการฟังเพลง (Taste of Music)' และ 'รสนิยมการเสพผลงานศิลปะ (Taste of Arts)' ที่มันมีอยู่หลากหลายแบบไปตั้งแต่สิ่งที่ผมไม่คาดคิดมาก่อน จวบจนไปถึงสิ่งที่ผมเองมีความชื่นชอบในตัวของมันอยู่แล้วตั้งแต่แรก

อย่างไรก็ดี สิ่งเหล่านี้เมื่อมีจำนวนผู้สร้างสรรค์มันมากขึ้น ย่อมหมายความว่ามันทำให้ผมเองกลับมองเห็นถึงบางสิ่งบางอย่างที่มันมี 'จุดเชื่อมโยง' ถึงกัน

สิ่งที่ผมเคยเห็นผ่านหน้าผ่านตา ตราบไปจนถึงสิ่งที่ผมอยู่กับมันมานานจนในช่วงท้ายที่สุด ความเพลิดเพลินดังกล่าวแปรเปลี่ยนกลายเป็น 'ความเบื่อหน่าย (Boredom)' ที่มันทำให้ไฟในการเล่นวิดีโอเกมของผมมอดดับลงไปมากพอสมควร


 "สูญหายและพบเจอ (Lost & Found)"

'ภาวะหมดไฟในการเล่นวิดีโอเกม (Video Game Burnout)' คือสิ่งที่ผมเคยประสบพบเจอกับมันมา ณ ช่วงระยะเวลาหนึ่ง...

อาจฟังดูเป็นเรื่องใหม่ หากแต่แท้จริงมันไม่ต่างอะไรจากเรื่องของ 'ภาวะการหมดไฟ' ในการใช้ชีวิต การทำงาน ความสัมพันธ์ หรืออีกหลาย ๆ เรื่องราวในชีวิตที่เรา ๆ ทุกคนต่างเคยประสบพบเจอ แน่นอนว่าสิ่งนี้เองมันล้วนมองได้ในหลายแง่มุม

ช่วงหนึ่งของชีวิต ณ ตอนที่ผมยังคงติดอยู่ในลูปของการเป็นทหารเกณฑ์ 'วิดีโอเกม' เปรียบเสมือนเป็นวิธีการ 'หลบหนี (Escapism)' จากเรื่องราวความเจ็บปวดในชีวิตประจำวัน ภายใต้รั้วของประเทศชาติ (ที่มันค่อนข้างจะไม่ได้เป็น 'รั้ว' ที่แข็งแรงเท่าไหร่) และแน่นอนว่าอีกอย่างหนึ่งเองมันก็ถือเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดการสร้าง 'ตัวตน (Identity)' อีกหลายจำนวนหนึ่งขึ้นมาที่มักจะมีพื้นฐานจากการเป็น 'ผู้ชื่นชอบการเล่นวิดีโอเกม (Video Game Enjoyer)' เป็นชีวิตจิตใจ

ความรู้ในแขนงต่าง ๆ ของวิดีโอเกม โดยมากมักนำเสนอในรูปแบบที่ตั้งอยู่บนเส้นขั้นกลางระหว่าง 'ความรู้ (Knowledge)' และ 'ความสนุก (Fun)' ของผู้เล่น ซึ่งทั้งสองมันถูกนำเสนอให้อยู่ภายใต้ตรรกะความเป็นวิดีโอเกม (Video Game Logic) มากกว่าที่จะเน้นการนำเอาความสมจริง (Realism) เข้ามาเพื่อเป็น 'ตัวตัดสิน' ถึงการกระทำบางอย่างที่ผู้เล่นได้กระทำต่อกับตัวเกมนั้น

อย่างไรก็ดี เวลาผันเปลี่ยนไป ตรรกะความเป็นโลกวิดีโอเกมมันก็เริ่มเปลี่ยนไปตาม ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ และผมเองคงไม่มีข้อมูลหรือความรอบรู้มากเพียงพอที่จะบอกได้ด้วยซ้ำว่า 'ความสมจริง (Realism)' มันดันกลายเป็นสิ่งที่คนให้ความสนใจไปตั้งแต่เมื่อไหร่

ย้อนกลับไปยังช่วง ณ ยุคเฟื่องฟูของวิดีโอเกม ช่วงเวลานับตั้งแต่วันที่โลกได้รู้จักสิ่งที่เรียกว่ากีฬา 'อี-สปอร์ต (E-sport)' ช่วงเวลาของการที่เหล่าผู้ใหญ่เริ่มเปิดใจเกี่ยวกับการมีอยู่และความสำคัญของวิดีโอเกมมากขึ้น ช่วงเวลานั้นถือเป็นสิ่งที่น่าจับตามองเป็นอย่างมากและเรียกได้ว่ามันแทบจะทำให้สิ่งที่ผมเคยหลงใหลมาตลอดนั้น กลับกลายเป็นสิ่งที่มันกลายเป็นมีความสำคัญมากมายในระดับหนึ่ง

มุมมองของวิดีโอเกม เปลี่ยนแปลงไปนับจากเมื่อครั้งที่มันถูกมองว่าเป็นเพียง 'สื่อบันเทิงที่รุนแรง กักขฬะ และไร้ประโยชน์'

และมาจนถึงตอนนี้ มันได้เปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมหลากหลายภาคส่วนไป มากในระดับที่มันได้ขึ้นมาเป็น 'ส่วนสำคัญ' ในภาคธุรกิจไปพอสมควร


ทว่าอย่างไรก็ดี สิ่ง ๆ หนึ่งที่เคยถูกมองว่าเป็น 'สื่อบันเทิง' เมื่อมันถูกนำเข้ามาสู่ภาคธุรกิจเมื่อไหร่ ย่อมหมายถึงการที่ตัวมันเองจำเป็นต้องเกิดความเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นเดียวกัน

และเพราะสาเหตุตรงนั้น อาจเป็น 'ส่วนหนึ่ง' ที่มันก่อให้เกิด 'ความซ้ำซาก (Redundancy)' บางอย่างที่มันก่อให้เกิดการทำตาม ๆ กันมาอย่างต่อเนื่อง ที่เห็นได้ชัดเจนมากที่สุดคือ 'กระแส (Trends)' ของรูปแบบวิดีโอเกมที่มันมีการสร้างแบบเดิม ๆ ซ้ำ ๆ กันต่อเนื่องมาเป็นจำนวนมาก จนถึง ณ จุดหนึ่งที่ทำให้ผู้เล่นหลายคนรู้สึกเกิดความเบื่อหน่ายในการตามเล่นและตามเก็บวิดีโอเกมแบบซ้ำ ๆ ที่พวกเขาเองต่างรู้อยู่แล้วว่า 'ระบบเกม (Game Mechanic)' ของมันทำงานยังไง

และนั่นอาจคงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมเกิดอาการ 'หมดไฟ' ในการเล่นเกมไปแบบดื้อ ๆ โดยที่ไม่รู้ตัว...


หากแต่อย่างไรเองก็ดี ในความเบื่อหน่ายตรงนั้น มันก็ได้เปิดโอกาสให้ผมได้รู้จักการได้ลองทำสิ่งใหม่ ๆ หลายอย่างที่นอกเหนือจากจมปลักอยู่กับโลกของวิดีโอเกมไป แน่นอนว่าในที่นี้ผมกำลังพูดถึงการได้ 'เรียนรู้ (Learning)' เกี่ยวกับเรื่องราวของจิตวิทยา ปรัชญา หลักการดำเนินการใช้ชีวิต และด้วยอีกหลายองค์ความรู้ที่ส่วนใหญ่มันไม่ได้มีส่วนข้องเกี่ยวกับสาขาการเรียนที่ผมจบมาเท่าไหร่ (แน่นอนว่าคุณต้องไม่เชื่อแน่ ถ้าผมบอกว่าแท้จริงผมเรียนจบเพียง ปวช. และเคยศึกษาอยู่ชั้น ป.ตรี ปี 2 ก่อนที่จะเกิดอาการ Mental Breakdown (ความเจ็บป่วยทางอารมณ์และจิตใจ) ที่มันเป็นเหตุทำให้ 'นาฬิกาชีวิต (Life Cycle)' ของตัวผมเองพังทลายลงจนก่อให้เกิดบาดแผลสาหัสที่ยากยิ่งจะต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นฟู)

ผมไม่ขอเล่าถึงรายละเอียดเรื่องนี้มากนัก และอาจคงต้องขอข้ามไปเนื่องด้วยมันคงไม่ได้ข้องเกี่ยวกันเท่าไหร่นักกับตัวหัวข้อที่ตัวเองตั้งขึ้น

โดยสรุปง่าย ๆ ประโยคที่ว่า 'The More You Know, The Less You Enjoy' สำหรับผมมันมีความหมายเกี่ยวกับการที่ยิ่งเรารู้เรื่องอะไรต่าง ๆ มากขึ้น ความสนุกและความเพลิดเพลินที่ตัวเราเคยได้รับมาก่อนก็ยิ่งจะน้อยลงตามไป ประหนึ่งกับครั้งแรกเมื่อคุณได้จับเกม ๆ หนึ่งและเล่นเกมนั้นอย่างชำนาญเป็นระยะเวลามากกว่า 100 ชม. (หรืออาจน้อยกว่านั้น ขึ้นอยู่กับสภาพและความสนใจของแต่ละคน)

ตอนแรก เราอาจสนุกสนานกับเกม ๆ นั้นไป ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป 'ความสนุก' ของการเล่นเกมนั้นกลับลดหย่อนลง กระทั่งเมื่อเราเริ่มรู้ตัวว่าเกมเริ่มไม่สนุก มันก็พาลทำให้เรารู้สึกเบื่อหน่ายจนถึงขั้น 'หมดไฟ' ไปในที่สุด

แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาร้ายแรงอะไร กลับกันผมอยากให้มองว่ามันคือ 'สัญญาณ (Signal)' หนึ่งอย่างที่อาจเตือนให้คุณจำเป็นต้องรีบมองหาสิ่งใหม่ ๆ หรือข้ามขีดจำกัดบางอย่าง ละทิ้ง หลงลืม มองข้าม ไม่ว่าจะด้วยวิธีอะไรหรืออย่างไรเองที่มันไม่ได้ข้องเกี่ยวกับการมองหาซึ่ง 'คำแนะนำ (Guide)' เกี่ยวกับการเล่นเกม ซึ่งส่วนนี้ผมคงอาจขออนุญาตในการแปะลิงก์บทความ ๆ หนึ่งเอาไว้ สำหรับผู้ที่อยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัญหาการหมดไฟในการเล่นเกมไปเสียแล้วกัน

Video Game Burnout (ภาวะหมดไฟในการเล่นเกม)

อย่างไรเอง ผมอาจคงต้องขอเสริมอีกสักหน่อยว่าทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมาข้างต้น ล้วนเป็นเพียง 'มุมมองเพียงด้านเดียว' จากคนที่มีประสบการณ์ในการเล่นเกม ๆ หนึ่งเป็นระยะเวลานานกว่าหลายพันชั่วโมง ก่อนจะลดลงมาเพียงหลักร้อยชั่วโมงในบางเกมที่มีอยู่ ณ ภายในคลังวิดีโอเกมของตัวเองที่ล้วนมีทั้งเกมที่ไม่เคยเล่น เกมที่แตะเพียงผิวเผิน และเกมที่กลับไปเล่นมันซ้ำ ๆ จนถึงขั้นจดจำได้ทุกรายละเอียดสำคัญ แน่นอนว่าผมเชื่อว่ายังไงแล้ว เราเองต่างก็มี 'เกมในดวงใจ' ของตัวเองอยู่ในใจแล้ว ใช่หรือเปล่าล่ะ? :)

The More You Know, The Less You Enjoy อาจเป็นเพียง 'บทนิยาม (Definition)' หนึ่งของการสื่อความหมายว่าด้วย 'ความรู้ที่มากเกินไป (Excessive Knowledge)' และ 'ความซ้ำ (Repetition)' สิ่งเหล่านี้อาจเปรียบเหมือนเป็นรายละเอียดเล็ก ๆ ที่น้อยคนสังเกตเห็น อย่างไรเอง สำหรับผู้ที่ผ่านการเล่นเกมหลากหลายแนวมาอย่างโชกโชน ผมเชื่อว่าพวกคุณเองคงย่อมสังเกตได้ง่าย ๆ จากรายละเอียดปลีกย่อยบางอย่างที่ตัวเกมมันได้นำเสนอออกมา

สุดท้ายนี้ ผมคงไม่อาจบอกได้ว่าตัวผมเองมีความเชี่ยวชาญถึงด้านเรื่องเหล่านี้ กลับกันทั้งหมดที่ผมเขียนขึ้นมาล้วนถือเป็นการบ่นระบายอันไร้แก่นสารที่มันประกอบกับการที่ตัวผมเองได้ตัดขาดซึ่งการดำเนินไปของกระแสในโลกโซเชียลทั้งหมดทั้งปวงไป เหลือเพียงทำให้พื้นที่ตรงนี้เสมือน 'บันทึกการใช้ชีวิต' ของตัวผมเองที่ได้เขียนสิ่ง ๆ นี้ขึ้นเผื่อว่า ณ วันใดวันหนึ่ง ผมอาจได้หันกลับมาอ่านมันอีกครั้ง


ขอให้สนุกกับการเล่นเกมครับ 😊



ความคิดเห็น