ความสูญเปล่า และการถูกเติมเต็มด้วยสิ่งลวงตา
"มันคงเป็นเพราะความโง่เขลาในตัวของมนุษย์ ที่ในท้ายสุด พวกเราต่างจำยอมต่อสัญชาตญาณของตัวเอง เหมือนอย่างเช่นพวกสัตว์เดรัจฉาน"
นานมาแล้ว สิ่งที่เรียกว่า 'ความโกรธ' เป็นเพียงกลไกการแสดงอารมณ์ถึงความไม่พอใจในเรื่องบางอย่าง
อาจเป็นได้ตั้งแต่ความต้องการเห็นผลลัพท์อย่างชัดเจน จวบจนไปถึงได้รับในสิ่งที่ตัวเองต้องการ
ทุกอย่างล้วนมี 'ความโกรธ' เป็นสิ่งเหนี่ยวนำอยู่เสมอ
ผมยังคงจดจำได้ดีว่าช่วงเวลาภายหลังจากหลุดสถานที่ที่เรียกว่า 'ค่ายทหาร' นั่นทำให้ผมเริ่มตระหนักได้ถึงเวลาที่กำลังนับถอยหลังลงไปเร็วมากขึ้นกว่าเดิม เริ่มเห็นถึง 'ความย่ำแย่' และหันหลังให้กับการมองโลกในแง่บวก ตราบจนถึงขั้นปฏิเสธการมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ
มันอาจฟังดูเหมือน 'ข้ออ้าง' แต่อย่างที่เห็นกันอยู่ในทุกวัน
'ความโหดร้าย' ของสังคมมนุษย์มันได้หล่อหลอม และทำลาย 'ความหวัง' ของคนไปเป็นจำนวนมาก
คนที่รอดจากมันมาได้คือผู้แข็งแกร่ง ส่วนผู้ที่ทนรับกับความจริงข้อนี้ไม่ได้ ก็มีแต่ 'ตาย' ไม่ก็ 'วิกลจริต' ในที่สุด
การดิ้นรนเพื่อหล่อเลี้ยงปัจจัย 4 กลายเป็นสิ่งสำคัญที่รองลงมาจากปัจจัยที่ 5 และ 6 ซึ่งมันคือ 'จิตใจ' และ 'เป้าหมายของการมีชีวิตอยู่'
ผมเคยมีทั้งสองอย่างนั้น...หากแต่ดูเหมือนว่าทุกวันนี้มันจะ 'ตกหล่น' หายไป เหลือเพียง 4 ปัจจัยหลัก ๆ ที่ยังเป็นสาเหตุว่าทำไมตัวผมเองถึงยังอยู่
"เราต่างเติมเต็มในสิ่งที่ขาด มากกว่าสนใจถึงสิ่งที่มี และเมื่อวันใดวันหนึ่ง 'สิ่งที่มี' ของเรากำลังขาดแคลน เมื่อนั้นเราจะตกอยู่ภายใต้ความสิ้นหวัง เมื่อนั้นเราจะละทิ้งตัวเอง และถึงท้ายที่สุด...เราจะคิดถึงเพียง 'การเอาตัวรอด' มากกว่า 'การช่วยเหลือโลกใบนี้'"
ก่อนหน้านี้ผมเคยมีปัจจัยที่เหลืออยู่อีก แน่นอนว่ามันไม่ใช่ในเรื่องของการหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณ แต่เป็นเรื่องของการพยายามทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพื่อเป็น 'หลักฐาน' การมีตัวตนยืนยันอยู่ของตัวเอง และสิ่งนั้นคือการ 'เขียนนิยาย' และ 'เรื่องเล่า' ต่าง ๆ นานา ไม่ว่าสิ่งเหล่านั้นจะเป็นทั้งเค้าโครงความจริงหรือเรื่องแต่ง
ผมสนุกกับสิ่ง ๆ นั้นเหมือนกับมันได้เป็น 'ตัวแทน' แสดงออกถึงความคิดที่ผ่านพ้นไปแต่ละช่วงวัย เฉกเช่นกับสิ่งที่คุณได้อ่านไปแล้วเมื่อบล็อกแรก และแน่นอนว่านี่ก็เป็นอันที่สอง ทิ้งห่างไปเป็นเวลาเกือบเดือนหนึ่งที่ผมไม่ได้กลับมาเพื่อเขียนสิ่งนี้
แน่นอน เป้าหมายของผมในการ 'ลด ละ เลิก' โซเชียลมีเดีย คือสิ่งหนึ่งที่ผมยังโฟกัส การพยายามไม่หันไปเพื่อเติมเต็ม 'ความสุขชั่วคราว' ถือได้ว่าเป็นการชำระล้างความคิดและสมองไปในตัว ดีกว่าการต้องจมปลักฝังตัวไปกับ 'ความวุ่นวาย' ที่เอาเข้าจริงแล้วเทียบกับสภาพแวดล้อมรอบกายของผม นั่นมันก็มากพอที่จะทำให้ผมหัวเสียไปแล้วในแต่ละวัน (ใช่ มันแย่มาก แต่จะให้ดีตลอดไปมันคงไม่ได้หรอก จริงไหม? ¯\_(ツ)_/¯ )
ถึงอย่างไงเสีย ผมคงไม่ใช่ 'มนุษย์' ที่จะสามารถคิดบวกได้ตลอดเวลา และคงไม่อาจที่อยากฝังตัวเองไปอยู่กับชุดความคิดของความเกลียดชัง การกระทำใด ๆ ก็ตามล้วนขึ้นอยู่กับ 'ตรรกะ' และ 'เหตุผล' ที่มันฟังดูมีน้ำหนักมากพอจะน่าเชื่อถือ ไม่ใช่เพราะใครบางคนพูด หรือแม้แต่ตัวของสังคม หากแต่มันควรเป็น 'การเข้ากันได้' ของตัวผู้ถือเหตุผลนั้นเอง
ผมอาจกลับมานี่อีกครั้ง หากมีเวลามากพอ หรือแม้แต่ในยามที่ 'โทสะ' มันค่อย ๆ จางหายไป
ถึงตอนนั้นหวังว่าพวกคุณจะสบายกันดี และไม่ทำอะไร 'เลวร้าย' หรอก ใช่ไหม? :D
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น