[Midnight Thoughts] จริยธรรมในสื่อและสามัญสำนึกที่หายไป
สวัสดีวันที่ 2 ของเดือน 10 ปี ค.ศ.2024
ผมหวังว่าตัวเองคงไม่ได้หายไปนานจนเกินไป การกลับมาสู่ 'รากฐาน' ที่มันเคยเป็นมาย่อมใช้ระยะเวลาอยู่เสมอ ยิ่งในท่ามกลางความวุ่นวายและเรื่องราวชวนจิตตกมากมายและน่าหดหู่ต่าง ๆ ความพยายามในการจะดึงเอา 'รอยยิ้ม' กลับมานั้นแทบเรียกได้ว่าเป็นเรื่องยากมากสำหรับผู้ที่ดำดิ่งอยู่ในจุดที่ยากจะกลับมาเป็นแบบเดิมอีกรอบ
ต้องยอมรับว่าช่วงเวลาที่ผ่านมา เวลานอนหลับของผมมันค่อนข้าง 'รวน' ไปนิดหน่อย และในหลายครั้งนั้นจากที่ได้ยิ่งเห็นสถานการณ์ต่าง ๆ และความเป็นไปของสิ่งที่เกิดขึ้น นอกเหนือจากมันชวนให้ผมได้แต่ตั้งคำถามกับตัวเอง เรื่องหนึ่งที่มันทำให้ผมอดสงสัยไม่ได้จริง ๆ ก็คือ 'หรือผมจะกำลังลังเลเกี่ยวกับอะไรสักอย่างหนึ่งอยู่?'
อันที่จริง เรื่อง ๆ นี้มันติดค้างคาใจอยู่ในตัวและหัวผมมาได้สักระยะหนึ่ง นับจากที่ตัวเองได้ตัดสินใจสร้างบล็อกนี้ขึ้นเพื่อหลบเลี่ยงจากหลายสิ่งหลายอย่างที่อยู่ในสื่อโซเซียลมีเดียไป และหันเหมานั่งเสพข่าวหรือสาระความรู้ผ่านจากตัวของ Youtube Recommendation ที่โผล่มาหน้าฟีดทุกเมื่อเชื่อวัน ซึ่งบางอย่างมันก็โผล่มาสะกิดต่อมความอยากรู้อยากเห็นของผมเอง และในอีกบางอย่าง มันก็ได้ทำให้ผมได้เจอเข้ากับสิ่งดี ๆ และแปลกประหลาดมากมายที่เรียกว่าแทบจะเป็น 'คลังขุมทรัพย์' ที่ผมไม่คิดว่าตัวเองจะได้เจอ
หากแต่อย่างไรเอง ผมคงจะไม่ขอออกตัวหรือแสดงว่าเจออะไรมาบ้าง เนื่องจากแต่ละอย่างที่ผมได้เสพและรับรู้มันอาจค่อนข้างมีความ 'เฉพาะตัว (ในทางที่ดีและสร้างสรรค์)' มากกว่ามันจะเป็นสิ่งที่ทำลายเซลล์สมองของผมไปทีละนิด ๆ จนกระทั่งผมเริ่มสูญเสียตัวตนของตัวเองไป ทว่าสำหรับวันนี้ผมคงจะไม่ได้มาพูดถึง 'รสนิยมของการเสพคอนเทนต์' สักเท่าไหร่นัก
เรามาว่ากันด้วยเรื่องของ 'จริยธรรม' ในสื่อกันบ้างดีไหม? :)
"ความหิวกระหาย" บางครั้งมันก็ไม่น่าหวาดหวั่นเท่ากับการหลงลืมไปถึง 'สามัญสำนึก' ที่มันได้จางหายไปในทุก ๆ วัน
ผมเชื่อว่าเรื่องนี้มันคงถือได้ว่าเป็นประเด็นใหญ่พอสมควร และถ้าจะให้บอกกันตรง ๆ แล้ว นี่มันก็เป็นครั้งที่เท่าไหร่ผมก็ไม่อาจทราบได้ เหตุผลของการได้มาซึ่งชื่อเสียง การเป็นที่ยอมรับ หรือแม้แต่การได้มีกลุ่มแฟนคลับของตัวเองที่ต่างกำลังรอคอยในการได้เข้ามามี 'ส่วนร่วม' กับตัวเอง
นับเป็นระยะเวลากว่าหลายปีเศษแล้วได้ ถ้าให้พูดกันตามตรง ผมไม่เคยรู้สึกได้ว่าตัวผมเองมีความรู้สึกแบบนั้นสักเท่าไหร่ ซึ่งนั่นต่อให้ผมจะคิดว่าตัวเอง 'มีชื่อเสียง' หรือ 'ไร้ชื่อเสียง' ไปก็ตาม แต่ในท้ายที่สุดแล้ว ข้อเท็จจริงเรื่องหนึ่งที่ผมได้หันมาตกตระกอนความคิดและได้ 'ตกผลึก' ผ่านการเฝ้ามองดูความเป็นไปต่าง ๆ ที่มันเกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ มันเริ่มทำให้ผมแอบรู้สึกหวาดระแวงอยู่นิดหน่อย เกี่ยวกับการที่ผมเองได้พยายาม 'กรีดเลือด' ตัวเองผ่านการพิมพ์ตัวอักษรในแต่ละตัว ผ่านงานเขียนของผมเองที่มันค่อนข้างหยิบจับ 'เรื่องราวชวนอ่อนไหวต่าง ๆ' มาใช้เป็นแรงขับเคลื่อนในการทำงานแต่ละชิ้น
ผมมีความกังวลใจเป็นอย่างมากในหลายครั้ง แต่ในทุกครั้งนั้น ผมเองก็ตระหนักอยู่เสมอถึงการที่ผมได้ตัดสินใจถึงการเดินไปทางสายที่น้อยคนเลือกจะเดิน
แม้จะอยู่ในสายงานเดียวกัน หากแต่สิ่งที่ทำให้ 'เรา' 'ผม' และ 'คุณ' แตกต่างกัน นั่นคือวิธีในการรับมือต่อสถานการณ์อันไม่แน่นอนที่มันเกิดขึ้นในชีวิต
ครั้งหนึ่งผมเคยรู้สึกผิดพลาดและละอายใจต่อเรื่องราวในอดีต หากแต่มันเหนื่อยหน่ายเสียเกินกว่าที่จะหันไปมองสิ่งเหล่านั้น นอกเหนือจากเพียงว่าเมื่อผมได้เปิดดูเรื่องราวของสิ่งที่เกิดขึ้น นับตั้งแต่วันที่ตัวเองได้เดินออกจากขุมนรกที่ชื่อว่า 'ค่ายทหาร' มา สิ่งแรกที่ผมสังเกตเห็นได้ชัดเจน คือการที่โลกใบนี้มันเต็มไปด้วยเรื่องราวชวนน่าหัวเสียเป็นจำนวนมากมาย
และในหลายครั้ง สิ่งที่เราทำได้มีเพียงแต่มองด้วยแววตาไม่พึงพอใจ ความรู้สึกของการที่ตระหนักได้ถึงอำนาจที่ไม่มีมากเพียงพอ นั่นอาจเป็นสาเหตุในระยะเวลาเดียวกันที่ผมเลือกจะพยายาม 'ทำ' ในสิ่งที่ผมกำลังคิดว่าอย่างน้อยคงสามารถช่วยให้ใครสักคนได้ฉุดตัวเองขึ้นมาจากหลุมแล้วยืนอยู่เคียงข้างผม
น่าเสียดายที่มันไม่เคยเกิดขึ้น ถึงอย่างงั้นผมยังคงมีความเชื่ออยู่ลึก ๆ ว่ามันจะมีคนแบบนั้นอยู่ในชีวิต
"จริยธรรม" หรือ "Morality" เปรียบได้ดั่ง 'เข็มทิศ' ที่มันชี้ไปตามทางของที่สังคมหวังอยากให้เป็น หากแต่เรื่องหนึ่งที่มันชวนน่าตั้งคำถามมากที่สุด นั่นคือเรื่องที่ว่า 'สังคมต้องการอะไร?' และ 'อะไรคือสิ่งที่สังคมคาดหวังอยากให้เป็น?'
ในทุกครั้งเมื่อสิ่ง ๆ หนึ่งมันได้เกิดขึ้น เหตุการณ์ที่ข้องเกี่ยวกับเรื่องที่มันส่งผลกระทบร้ายแรงเสียจนเราเกิดการขาดสติสัมปชัญญะไป เมื่อนั้นแล้วสิ่งที่ตามมาภายหลังจากเหตุของความรุนแรงในทุกรูปแบบ เมื่อมันได้จบลงไป สิ่งที่หลงเหลือไว้มีเพียงแต่ 'ความสูญเสีย' และ 'ชนวนเหตุความเป็นไปได้' ที่มันจะทิ้งไว้เป็ฯบาดแผลเพื่อรอวันที่ทุกอย่างมันจะถูก 'จัดเข้าที่เข้าทาง' ไปอีกครั้ง
ผมอาจไมได้แสดงความเห็นอะไรเกี่ยวกับเรื่องไหนแบบเจาะจงมากนัก หากแต่ถ้าคุณได้สังเกตถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นผ่านตัวอย่างสื่อสำนักข่าว แม้แต่กับตัวเรื่องของ 'โซเชียลมีเดีย' ก็ดี คุณคงมองเห็นได้ว่าเรื่องราวใด ๆ ที่มันได้กลายเป็นกระแสดังมากขึ้น เมื่อนั้นผู้คนจะเริ่มหันไปตระหนักรู้ได้ถึง 'ความสำคัญที่ถูกละเลย' ไป ทั้งที่มันควรเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมานานก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้
ทว่าสิ่งหนึ่งที่ผมเห็น มันกลับเต็มไปด้วยผู้คนเสียสติจำนวนมากมายที่หลงลืมไปว่า 'จุดมุ่งหมายดั้งเดิม' คืออะไร
ทั้งนี้ผมเองก็เข้าใจได้ เมื่อโลกเปลี่ยน สังคมเปลี่ยน ทุกอย่างมันก็เปลี่ยนแปลงไปตาม เรื่องที่ดีอย่างหนึ่งคือผู้คนต่างตระหนักได้แล้วถึงเหตุการณ์ที่มันส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของพวกเขา เราทุกคนล้วนต้องการ 'ความเปลี่ยนแปลง' หากแต่เมื่อเราขาดไร้ซึ่ง 'เสาหลักที่เชื่อถือได้' ไป เมื่อนั้นแล้วสิ่งที่เรียกว่า 'ความเปลี่ยนแปลง' มันจะยังคงมีโอกาสอยู่หรือเปล่า? หรือเราควรที่จะล้มเลิกมันไปเสีย และตัดสินใจในการหันไปใช้เวลาเพื่อจะย้ายถิ่นฐานออกไปอยู่ในที่ ๆ เราสบายใจกันมากกว่า?
แน่นอนแหละ เรื่องแบบนี้มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ 'ผม' คิดไปเองคนเดียวจริง ๆ ถึงกระนั้นผมคงต้องยอมรับว่าตัวเองยังขาดโอกาสอะไรหลาย ๆ อย่างไปมากมาย และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในเวลาอีก 3 ปีข้างหน้า ผมจะยังคงมีลมหายใจอยู่เพื่อที่จะสานต่อเรื่องราวที่เขียนคั่งค้างเอาไว้ให้จบลงไปได้หรือเปล่า?
แต่ยังไงเสีย เมื่อหมุดหมายมันได้ถูกวางไว้แต่ต้น ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมจำต้อง 'หยุดเขียน' มันเพื่อเอาเวลาหลังจากนี้ในการครุ่นคิดถึงการพยายามหาทางเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของตัวเองให้ดีขึ้น
ผมอาจต้องขอโทษสักหน่อย ถ้าหากว่าเรื่องที่ผมพูดมันดูจะแตกต่างออกไปจากเรื่องของการตั้งคำถามเกี่ยวกับ 'จริยธรรมในสื่อ' ไป ถึงกระนั้น ผมเองในฐานะของผู้ที่ทำสื่อคนหนึ่งเหมือนกัน เรื่องหนึ่งที่ผมแค่อยากจะขอให้พึงระลึกไว้สั้น ๆ ก็แค่การทำ 'เส้นแบ่งขีด' เอาไว้ และพยายามตระหนักอย่างถี่ถ้วนให้มาก ๆ ถึงผลกระทบที่ตามมาไม่ว่าจะตอนนี้ อนาคตข้างหน้า หรือแม้แต่การพยายามสร้างสรรค์อะไรใด ๆ ก็ตามที่มันข้องเกี่ยวกับเรื่องของ 'ประเด็นอันอ่อนไหว' ที่อาจนำพาให้เกิดการถกเถียงกันในสังคม
หลายครั้ง เรื่องพวกนี้มันทำให้ในมุมมองของผู้เป็นศิลปิน ค่อนข้างรู้สึก 'หนักใจ' และ 'คับข้องใจ' มากมายเป็นพิเศษ ซึ่งผมอาจไม่ได้รู้จักกับใครมากมายเท่าไหร่ กระนั้นในส่วนของการที่ผมเองก็เข้าใจได้ในจุดนี้ บางครั้งแล้วเรื่องสำคัญที่สุดในสถานการณ์ที่มันก่อให้เกิดการสูญเสียครั้งใหญ่นี้ได้ ที่ควรทำก็มีเพียงแต่ 'เงียบสงบ' และจดจำเรื่องราวดังกล่าวเอาไว้เป็น 'บทเรียน' ในการก้าวไปข้างหน้า
'บุหรี่' หรือ 'เบียร์' สักแก้วอาจพอช่วยให้ผมลืมเรื่องราวเหล่านี้ไปได้สักระยะ
น่าเสียดายไปหน่อยที่ผมดันเป็นคนรักสุขภาพตัวเองเกินไปเสียอย่างนั้น
😂😂😂
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น