การเติบโตขึ้นอีกหนึ่งขั้น พันธสัญญาระหว่าง 'ผม' และ 'ผมในอนาคต'
เพียงตัวเลขที่ค่อย ๆ เพิ่มขึ้น กลับรู้สึกได้ถึง 'สุขภาพ' ที่กำลังเหี่ยวเฉาลง...
ผมคงไม่แปลกใจนักหากว่าทำไมยิ่งอายุเพิ่มขึ้น มุมมองการมองโลกของตัวเองกลับ 'คับแคบ' ลง และเริ่มยึดติดอยู่กับ 'ความเป็นจริง' ที่ผมไม่อาจนึกภาพออกได้ว่ามันจะเป็นอย่างไรในอนาคต
การกังวลถึงเรื่องราวพวกนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึก 'เครียด' มากกว่าช่วงเวลาในปัจจุบันที่ผมกลับผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่ปล่อยมันผ่านไปโดยไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าการหาความสุขใส่ตัวเอง ท่ามกลางสภาพแวดล้อมและทรัพยากรที่มีจำกัด
ผมอาจคิดถึง 'ผู้คน' มากเกินกว่าจะหันกลับมามองดู 'ตัวเอง'
เมื่อครั้งสักช่วงราวก่อนหน้าจะถึงเดือนสี่หรือห้าได้ ผมใช้เวลาส่วนหนึ่งไปกับการเจียดช่วงของการ 'ออกกำลังกาย' ที่ยอมรับว่าผมไม่เคยให้ความสนใจมากเท่าไหร่ ความสนุกอย่างหนึ่งของการได้ออกเหงื่อ คือมันทำให้สมองของผมปลอดโปร่งขึ้นมาก แม้ต่อให้รอบข้าง (สภาพแวดล้อมที่ผมอยู่) มันเองค่อนข้างจะมีพื้นที่จำกัด และส่วนหนึ่งผมมัก 'เก็บตัว' อยู่กับสิ่งที่ตัวเองพยายามให้ความสำคัญกับมัน ทั้งที่รู้ว่ายิ่งถลำลึกมากเท่าไหร่ ผลลัพท์ของมันก็ยิ่งแย่ไปมากขึ้นทุกครั้ง
ดักไว้ก่อนว่านั่นไม่ใช่เรื่องของ 'อบายมุข' แต่กลับเป็นสิ่งที่ผมเคยตั้งใจกับมันอย่างมาก ก่อนที่ภายหลังจะถูกกระแสชักนำพาให้เข้าไป 'ยุ่มย่าม' กับสิ่งที่ตัวเองพยายามหลีกหนีมันไป
2 วันถัดไป สถานะของผมจะเปลี่ยนไป 'อีกครั้ง'
มันอาจไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงในรูปแบบที่ปุบปับหรือกะทันหัน ทว่ามันก็คือ 'ความเปลี่ยนแปลง' ที่ผมควรหันไปมองหา 'ความเป็นไปได้ใหม่ ๆ' เพียงเพื่อหลีกเลี่ยงจากการต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมรูปแบบเดิม ๆ ที่ไม่ช่วยให้ตัวเองดีขึ้น
'ปัญหาครอบครัว' คือเรื่องอันดับต้น ๆ ที่ผมเจอ รองลงมาหลังจากนั้นคือ 'ปัญหาการจัดการด้านอารมณ์' และ 'ความคิด' ที่นับตั้งแต่ที่ผม 'เลิกพึ่งยา' มันก็ยิ่งเหมือนเป็นการ 'เชื้อเชิญ' ให้พวกปีศาจเข้ามาเกาะแกะรังควานผมไปมากขึ้น
ที่จริงผมไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่ต้องพูดถึงเรื่องนี้ นอกเหนือจากเพียงแค่ว่าผมอยากสร้าง 'พันธสัญญา (Commitment)' บางอย่างให้กับตัวผมเอง เพื่อเป็นการผูกรั้งไว้ให้แน่ใจว่าหากเมื่อวันเวลาผ่านไปในอีก 3 ปี หรือ 5 ปีนับจากนี้ ผมจะยังคงมุ่งมั่นกับสายงานของตัวเองไปพร้อม ๆ กับ 'หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณ' ที่มันไม่เคยถูกเติมเต็ม
ผมคงไม่รู้ว่าถ้าหากว่าเมื่อถึงคราวช่วงที่ตัวเองได้ตัดขาดจาก 'ครอบครัว' ไปแล้ว ชีวิตหลังจากนั้นจะดำเนินไปข้างหน้าได้เช่นไร ทว่าอย่างหนึ่งที่ผมพอมองเห็นได้ คือการที่มันอาจลงเอยได้ทั้งสองทาง
หากไม่เพราะการมี 'หนี้' ที่ต้องอยู่เพื่อชดใช้มัน ก็อาจเป็นเพียงการที่ผมเริ่มมองหา 'เส้นทางชีวิตใหม่' ที่มันหมายถึงการออกเดินทางเพื่อไปสู่ 'จุดที่ดีกว่าเดิม'
แต่ทั้งหมดนั่นมันคงเป็นเรื่องของอนาคตที่ผมไม่อาจมีวันรู้ ว่ากันว่าตราบใดที่ ณ เวลาปัจจุบันเรายังไม่พยายามทำให้ตัวเองดีขึ้น ตราบนั้นสิ่งที่เรียกว่า 'อนาคตที่ดี' มันก็ไม่มีวันมาเยือนถึงเรา
หากแต่เนื่องด้วยสถานการณ์ต่าง ๆ ในโลกและประเทศที่กำลังเกิดอยู่ตอนนี้ ผมคงไม่มั่นใจนักว่าสิ่งที่เรียกว่า 'อนาคตที่ดี' นั้นมันจะมีหน้าตาเป็นยังไง ผู้คนส่วนใหญ่ล้วนต้องทนทุกข์อยู่กับปัญหาที่พวกเขาไม่ได้เป็นคนก่อ แต่กลับเป็นพวกเหล่าบรรดา 'คนรุ่นก่อน' ที่พวกเขานั้นกลับทิ้งไว้ แทนที่ควรจะรีบแก้ไขมัน หากแต่มันกลับสายเกินไป เพราะมันดัน 'ซึมซับ' ไปถึงรากฐานของประเทศไปแล้ว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น